ศรีสะเกษ - “ปูแดง” เดินสายหาเสียงที่ ศรีสะเกษ ซัด “มาร์ค” ทำสนามการค้าเป็นสนามรบ ลั่นหากเป็นนายกรัฐมนตรี จะฟื้นความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านกลับคืนมา
วันนี้ (29 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 1 และคณะ ได้เดินทางโดยรถไฟ รถเร็วขบวนที่ 146 เที่ยวล่องต้นทาง จ.อุบลราชธานี-กรุงเทพฯ ออกจากสถานีรถไฟอุบลราชธานี เวลา 08.45 น.มาลงที่สถานีรถไฟศรีสะเกษ เพื่อช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทั้ง 8 เขตเลือกตั้ง จ.ศรีสะเกษ ในช่วงโค้งสุดท้าย
โดยมีผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ทั้ง 8 เขต และประชาชนที่ชื่นชอบนโยบายของพรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนรัก นช.แม้ว กลุ่มคนเสื้อแดง มาให้การต้อนรับที่สถานีรถไฟศรีสะเกษ พร้อมทั้งได้มอบดอกกุหลาบ และส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจกันเป็นจำนวนมาก
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางไปเวทีปราศรัย ที่บริเวณสนามกีฬา สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินทางมาจากอำเภอต่างๆ จำนวนประมาณ 10,000 คน มาคอยให้การต้อนรับ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 1 ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีกล่าวโจมตีการทำงานของรัฐบาล ที่นำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ส่งผลเสียหายต่อประเทศชาติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ข้าวของราคาแพง ทำให้ชาวบ้านยากจนเพิ่มขึ้น และบอกว่าจะนำเอาระบบการจำนำข้าวกลับคืนมา พร้อมได้ชูนโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนโยบายประชานิยม ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตร ทั้งเรื่องบัตรเครดิตชาวนา ที่สามารถนำไปใช้เป็นเครดิตแทนเงินสดซื้อพันธุ์พืช ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง ได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยให้กับเจ้าหนี้นอกระบบ
นอกจากนี้ ด้านชลประทานจะเชื่อมแม่น้ำทั้ง 25 สายเข้าด้วยกัน และเชื่อมมายังลุ่มน้ำชี เข้าไปเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำ และต่อมาที่ จ.ศรีสะเกษ จะได้ทำนาได้มากกว่าปีละ 1 ครั้ง ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงต่างส่งเสียงสนับสนุนกันเกรียวกราว
“ปัญหาหนึ่งที่ ปูเป็นห่วงมากที่สุด ก็คือ ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในวันนี้เขาทำสนามการค้าของเราให้เป็นสนามรบ เราจะเอาความสัมพันธ์นั้นกลับคืนมา โดยการค้าต้องเดินได้ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านก็ต้องมีอยู่” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะ ได้เดินทางไปปราศรัยต่อที่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ และจะเดินสายต่อไปที่ จ.สุรินทร์ จ.บุรีรัมย์ และ จ.นครราชสีมา ต่อไป