พระนครศรีอยุธยา - ตำรวจกรุงเก่าจับหนุ่มอยุยาวิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวจีน
เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ ( 24 มิ.ย.) พล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ภูวดิท ชนะคชภัทร์ รอง ผบก.ฯพ.ต.อ.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเหนิด รอง ผบก.ฯ พ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา และพ.ต.ท.ฉัตรามนตรี มหาพชราอรุณใหม่ สว.สทท.1 กก.2บก.ทท. ร่วมกันแถลงข่าวโดยนำตัวนายผดุงจิตร์ หรือเอ้ ไกรประยูร อายุ 27 ปีอยู่บ้านเลขที่ 31/5 หมู่ 6 ต.บ้านหว้า อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
พร้อมของกลาง รถจยย.ฮอนด้า รุ่นสกูปปี้ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน สจง-174 พระนครศรีอยุธยา เสื้อคลุมสีดำ เสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำเงิน หมวกแก๊ป กางเกง ที่ใช้ในวันก่อเหตุ กล้องดิจิตอลยี่ห้อแคนนอล รุ่น อีโอเอส 7 ดีจำนวน 1 ตัว พร้อมเลนจำนวน 2 ตัว โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องรวมมูลค่าประมาณ165,000 บาท ในข้อหา วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะในการกระทำผิดหรือหลบหนี ซึ่งมีนายเซิ่น เลี้ยง อายุ 30 ปีผู้เสียหายชาวจีนเดินทางมาชี้ตัวผุ้ต้องหาและยืนยันของกลางเป็นของตนณ ห้องวิเคราะห์ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา
นายเซิ่น เลี้ยง ผู้เสียหา กล่าวว่า ได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อดูงานที่บริษัทอีเลคสัน กรุงเทพฯเป็นเวลา 2 เดือน ระหว่างวันหยุดได้เดินทางมาเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นวันแรกได้เช่าจักรยานถีบเที่ยวชมโบราณสถานโดยนำกล้องและเอกสารวางไว้ตะกร้าหน้ารถช่วงจะไปชมวัดพระนอนถีบจักรยานมาตามคลองท่อ ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยานายผดุงจิตร์ ขี่รถจยย.มาประกบแล้วชกกระเป๋าหน้าตะกร้าไปตนจึงปั่นจักรยานตามแต่ไม่ทันจึงแจ้ง 155 ตำรวจท่องเที่ยวอยุธยาให้การช่วยเหลือจนกระทั่งตามจับตัวคนร้ายได้
นายเซิ่น เลียง บอกต่อว่ารู้สึกประทับใจตำรวจไทยทันทีที่รู้ข่าวรู้สึกตื่นเต้นเพราะตนเสียดายกล้องถ่ายรูปภายในได้ถ่ายภาพที่สำคัญๆไว้มากมายพอมาเห็นของกลางได้คืนขอชมตำรวจไทยที่เอาใจใส่ดูแลกลับไปจะบอกเพื่อนๆมาเที่ยวเมืองไทยและจะกลับมาเที่ยวอยุธยาอีก
พล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่าเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.คนร้ายได้ขี่จยย.วิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวจีนที่บริเวณถนนคลองท่อจึงสั่งการให้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยงานติดตามจับกุมได้ที่ถนนอู่ทอง ข้างร้านโรตีหน้าโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา พฤติกรรมของคนร้ายที่ก่อเหตุได้สร้างความเดือดร้อนให้กับนักท่องเที่ยวและยังทำความเสื่อมเสียให้กับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นอย่างมาก
"การจับกุมคนร้ายได้เป็นการช่วยผ่อนความตึงเครียดในเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งตำรวจทั้งหน่วยงานได้ร่วมมือกันสืบสวน และจับกุมได้อย่างทันควัน ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศดีขึ้นและได้ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติระมัดระวังอย่าวางของมีค่าไว้หน้าตะกร้ารถ"