เชียงราย - ตำรวจเชียงแสนรวบผู้ใหญ่บ้านพร้อมพวก พกปืน-เครื่องกระสุน เคลื่อนไหวแถบสามเหลี่ยมทองคำ ขยายผลค้นห้องพักเจอปืนเถื่อน-มอเตอร์ไซค์ปริศนาอีก
พ.ต.อ.ภพกร คูณเจริญสุข ผกก.สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาคดีเกี่ยวกับอาวุธปืนมาทำการสอบสวนเพื่อขยายผล หลังจากก่อนหน้านี้ทาง พ.ต.อ.เอกชัย ไชยยะ สารวัตรสืบสวน สภ.เชียงแสน ได้นำกำลังตำรวจชุดสืบสวนตั้งจุดตรวจบริเวณถนนสายเชียงแสน-แม่สาย บริเวณหมู่บ้านแม่มะ หมู่ 1 ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน เพื่อตรวจตราการกระทำผิดกฎหมายโดยเฉพาะยาเสพติดและอาวุธปืนในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่จะมาถึงวันที่ 3 ก.ค.54
กระทั่งวานนี้ (23 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนท์ทอง ทะเบียน บย 5842 เชียงราย แล่นผ่านมาจึงให้สัญญาณหยุดตรวจพบชาย 2 คนคนขับชื่อนายเกรียงศักดิ์ แลวงค์ อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 54 บ้านป่าซาง หมู่ 11 ต.เจริญเมือง โดยเป็นผู้ใหญ่บ้านดังกล่าวด้วย และนายดวงจันทร์ นนทสายา อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 28 หมู่ 8 ต.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย จากการตรวจค้นช่องเก็บของในรถพบอาวุธปืนขนาด 9 มม.ไม่มีทะเบียน พร้อมกระสุน 12 นัด กระสุนปืนลูกซอง 3 นัด วิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง จึงจับกุมตัวทั้งคู่เอาไว้
สอบสวนนายเกรียงศักดิ์ สารภาพว่า ปืน-เครื่องกระสุนทั้งหมดเป็นของตน มีไว้เพื่อป้องกันตัว ส่วนนายดวงจันทร์ เป็นคนติดตามไปทำธุระที่ อ.เชียงแสน โดยเช่าห้องพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ เลขที่ 5 บ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน
เจ้าหน้าที่ สภ.เชียงแสน จึงประสานกับ กก.สืบสวน ภ.เชียงราย พบนายสงกรานต์ นนทสายา อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 24 หมู่ 1 ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ภายในห้องพบกระเป๋าเสื้อผ้าวางอยู่ภายในมีปืนลูกซองสั้นไม่มีทะเบียนอีกจำนวน 1 กระบอก แต่คราวนี้ทั้ง 3 คนปฏิเสธว่าไม่ใช่ของตัวเอง
เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนเข้าในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และมีวิทยุสื่อสารไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรมไปรษณีย์โทรเลข
นอกจากนี้ บริเวณที่พักของทั้งหมดดังกล่าวเจ้าหน้าที่ยังพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีดำ ทะเบียน กกธ 524 ลำพูน จอดอยู่ด้วย 1 คัน ซึ่งทราบว่ามีชายอีกคนขับไปจอดเอาไว้ใช้งาน เจ้าหน้าที่จึงขยายผลเพื่อสืบหาตัวบุคคลดังกล่าว เพื่อสืบสวนสอบสวนต่อไป เบื้องต้นทราบว่าอาจเกิดจากปมการแก้แค้นส่วนตัวมากกว่าเรื่องการเมืองในการเลือกตั้งครั้งนี้
พ.ต.อ.ภพกร คูณเจริญสุข ผกก.สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาคดีเกี่ยวกับอาวุธปืนมาทำการสอบสวนเพื่อขยายผล หลังจากก่อนหน้านี้ทาง พ.ต.อ.เอกชัย ไชยยะ สารวัตรสืบสวน สภ.เชียงแสน ได้นำกำลังตำรวจชุดสืบสวนตั้งจุดตรวจบริเวณถนนสายเชียงแสน-แม่สาย บริเวณหมู่บ้านแม่มะ หมู่ 1 ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน เพื่อตรวจตราการกระทำผิดกฎหมายโดยเฉพาะยาเสพติดและอาวุธปืนในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่จะมาถึงวันที่ 3 ก.ค.54
กระทั่งวานนี้ (23 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนท์ทอง ทะเบียน บย 5842 เชียงราย แล่นผ่านมาจึงให้สัญญาณหยุดตรวจพบชาย 2 คนคนขับชื่อนายเกรียงศักดิ์ แลวงค์ อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 54 บ้านป่าซาง หมู่ 11 ต.เจริญเมือง โดยเป็นผู้ใหญ่บ้านดังกล่าวด้วย และนายดวงจันทร์ นนทสายา อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 28 หมู่ 8 ต.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย จากการตรวจค้นช่องเก็บของในรถพบอาวุธปืนขนาด 9 มม.ไม่มีทะเบียน พร้อมกระสุน 12 นัด กระสุนปืนลูกซอง 3 นัด วิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง จึงจับกุมตัวทั้งคู่เอาไว้
สอบสวนนายเกรียงศักดิ์ สารภาพว่า ปืน-เครื่องกระสุนทั้งหมดเป็นของตน มีไว้เพื่อป้องกันตัว ส่วนนายดวงจันทร์ เป็นคนติดตามไปทำธุระที่ อ.เชียงแสน โดยเช่าห้องพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ เลขที่ 5 บ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน
เจ้าหน้าที่ สภ.เชียงแสน จึงประสานกับ กก.สืบสวน ภ.เชียงราย พบนายสงกรานต์ นนทสายา อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 24 หมู่ 1 ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ภายในห้องพบกระเป๋าเสื้อผ้าวางอยู่ภายในมีปืนลูกซองสั้นไม่มีทะเบียนอีกจำนวน 1 กระบอก แต่คราวนี้ทั้ง 3 คนปฏิเสธว่าไม่ใช่ของตัวเอง
เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนเข้าในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และมีวิทยุสื่อสารไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรมไปรษณีย์โทรเลข
นอกจากนี้ บริเวณที่พักของทั้งหมดดังกล่าวเจ้าหน้าที่ยังพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีดำ ทะเบียน กกธ 524 ลำพูน จอดอยู่ด้วย 1 คัน ซึ่งทราบว่ามีชายอีกคนขับไปจอดเอาไว้ใช้งาน เจ้าหน้าที่จึงขยายผลเพื่อสืบหาตัวบุคคลดังกล่าว เพื่อสืบสวนสอบสวนต่อไป เบื้องต้นทราบว่าอาจเกิดจากปมการแก้แค้นส่วนตัวมากกว่าเรื่องการเมืองในการเลือกตั้งครั้งนี้