ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านบางละมุงกว่า 100 คนเข้าร้องเรียนสื่อมวลชน หลังถูกผู้สมัคร ส.ส.เขตสายไหม พรรคไทยเป็นสุข ร่วมกับพวกฉ้อโกงเงินกว่า 2 ล้านบาท แต่คดีไม่มีความคืบหน้า
วันนี้ (23 มิ.ย.) จากกรณีที่มี นางสาววิชราภรณ์ นิจิมาพงศ์ไท พร้อมด้วยชาวบ้านกว่า 800 คน เข้าแจ้งความกับ สภ.บางละมุง และร้องทุกข์กับนายชาติ ศรีโพธิ์อ่อน ปลัดอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี หลังถูกนางบงกฏ เจริญเธียร์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตสายไหม พรรคไทยเป็นสุข ร่วมกับพวกฉ้อโกงเงินรวมทั้งสิ้นกว่า 2 ล้านบาท
สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหากับพวก โดยได้ทำทีชักชวนชาวบ้านสมัครเป็นสมาชิกโครงการชุมชนรากหญ้า ซึ่งเป็นโครงการกู้เงินของรัฐในโครงการไทยเข้มแข็งจำนวน 300,000 บาท เพื่อปลดหนี้และทุนในด้านต่างๆกับธนาคารออมสิน และธนาคาร ธ.ก.ส.โดยผู้ต้องหาจะเก็บเงินค่า หัวรายละ 2,500 บาท เพื่อเปิดบัญชี ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีชาวบ้านหลงเชื่อเข้าร่วมเปิดบัญชีกันเป็นจำนวนมาก แต่ปรากฏว่า เรื่องดังกล่าวเงียบหายไปและก็ไม่ได้รับเงินตามที่รับแจ้งแต่อย่างใด
ล่าสุด กลุ่มชาวบ้านผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวเพื่อให้ช่วยตีแผ่พฤติกรรมของผู้ต้องหาเพื่อป้องกันไม่ให้มีใครหลงเชื่อถูกหลอกจนตกเป็นเหยื่ออีก โดยนางแหม่ม หนึ่งในกลุ่มผู้เสียหายเล่าว่าสาเหตุที่เข้าร่วมสมาชิกของโครงการเพราะเพื่อนได้ชักชวน จึงทำเรื่องกู้เงินไปตามขั้นตอนโดยเปิดบัญชีกับธนาคารออมสิน จำนวน 500 บาท จากนั้นได้ส่งหลักฐานเป็นสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมสมุดบัญชี บัตรเอทีเอ็ม และเงินสด 2,500 บาท ไปให้
หลังจากนั้น ได้ตรวจสอบยอดเงินในบัญชี พบว่าถูกถอนจนหมด และขณะนี้พบว่ามียอดผู้เสียหาย จำนวน 839 รายแล้ว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทางด้านผู้ต้องหาได้พยายามติดต่อเพื่อเข้าขอเคลียร์เงินคืนให้เป็นระยะๆ แต่ก็ยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร
วันนี้ (23 มิ.ย.) จากกรณีที่มี นางสาววิชราภรณ์ นิจิมาพงศ์ไท พร้อมด้วยชาวบ้านกว่า 800 คน เข้าแจ้งความกับ สภ.บางละมุง และร้องทุกข์กับนายชาติ ศรีโพธิ์อ่อน ปลัดอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี หลังถูกนางบงกฏ เจริญเธียร์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตสายไหม พรรคไทยเป็นสุข ร่วมกับพวกฉ้อโกงเงินรวมทั้งสิ้นกว่า 2 ล้านบาท
สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหากับพวก โดยได้ทำทีชักชวนชาวบ้านสมัครเป็นสมาชิกโครงการชุมชนรากหญ้า ซึ่งเป็นโครงการกู้เงินของรัฐในโครงการไทยเข้มแข็งจำนวน 300,000 บาท เพื่อปลดหนี้และทุนในด้านต่างๆกับธนาคารออมสิน และธนาคาร ธ.ก.ส.โดยผู้ต้องหาจะเก็บเงินค่า หัวรายละ 2,500 บาท เพื่อเปิดบัญชี ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีชาวบ้านหลงเชื่อเข้าร่วมเปิดบัญชีกันเป็นจำนวนมาก แต่ปรากฏว่า เรื่องดังกล่าวเงียบหายไปและก็ไม่ได้รับเงินตามที่รับแจ้งแต่อย่างใด
ล่าสุด กลุ่มชาวบ้านผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวเพื่อให้ช่วยตีแผ่พฤติกรรมของผู้ต้องหาเพื่อป้องกันไม่ให้มีใครหลงเชื่อถูกหลอกจนตกเป็นเหยื่ออีก โดยนางแหม่ม หนึ่งในกลุ่มผู้เสียหายเล่าว่าสาเหตุที่เข้าร่วมสมาชิกของโครงการเพราะเพื่อนได้ชักชวน จึงทำเรื่องกู้เงินไปตามขั้นตอนโดยเปิดบัญชีกับธนาคารออมสิน จำนวน 500 บาท จากนั้นได้ส่งหลักฐานเป็นสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมสมุดบัญชี บัตรเอทีเอ็ม และเงินสด 2,500 บาท ไปให้
หลังจากนั้น ได้ตรวจสอบยอดเงินในบัญชี พบว่าถูกถอนจนหมด และขณะนี้พบว่ามียอดผู้เสียหาย จำนวน 839 รายแล้ว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทางด้านผู้ต้องหาได้พยายามติดต่อเพื่อเข้าขอเคลียร์เงินคืนให้เป็นระยะๆ แต่ก็ยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร