ลำปาง - ผอ.รพ.ลำปาง เผยไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังญาติผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก ร้องเรียนหมอผ่าไตคนไข้ออกไม่บอกญาติจนเสียชีวิต ล่าสุดตั้งคณะกรรมการกลางมาสอบสวนเรื่องนี้แล้ว ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
นายแพทย์ทรงวุฒิ ทรัพย์ทวีสิน ผอ.รพ.ลำปาง กล่าวถึงกรณีภรรยานายสะอาด เครือศรี บ้านเลขที่ 66/1 ม.4 บ้านป่ากล้วย ต.ปงแสนทอง อ.เมืองลำปาง เสียชีวิตและคาดว่าอาจเกิดจากที่แพทย์ตัดไตออกโดยไม่ได้บอกให้ผู้ป่วยหรือญาติทราบก่อนจนเกิดโรคแทรกและเสียชีวิต ว่า ได้รับข้อมูลจากทางแพทย์ที่ทำการผ่าตัดนางบัวผัน เครือศรี แล้ว
ในเบื้องต้นยอมรับว่าเกิดความผิดพลาดในการสื่อสารระหว่างญาติของคนไข้กับแพทย์ที่ทำการผ่าตัด โดยก่อนการผ่าตัด แพทย์สูตินรีเวชได้ทำซีทีสแกนเพื่อตรวจสอบดูว่ามะเร็งที่ปากมดลูกนางบัวผันลุกลามหรือไม่ ผลของการทำซีทีสแกนก็พบว่าบริเวณไตมีนิ่วอยู่ และมีอาการไตฝ่อ แต่แพทย์สูตินรีเวชไม่ได้แจ้งให้ญาติทราบเนื่องจากเห็นว่าเป็นคนละส่วนกันและเป็นโรคเฉพาะทาง แพทย์จึงได้ดำเนินการในส่วนของมะเร็งมดลูกที่จะต้องผ่าเท่านั้น
แต่เมื่อทำการผ่าตัดเปิดหน้าท้องแล้วกลับไม่สามารถนำมดลูกออกมาได้ เพราะตัวมดลูกมีพังผืดติดกับท่อไต จึงได้เชิญแพทย์ที่รักษาโรคไตมาปรึกษา ให้ดูของจริงในห้องผ่าตัด และเป็นด้วยจรรยาบรรณของแพทย์ที่จะต้องช่วยเหลือคนไข้ทุกวิถีทาง ซึ่งช่วงผ่าตัดเป็นช่วงที่คนไข้กำลังวิกฤตและเสียเลือดมาก แพทย์จึงได้ตัดสินใจทำการผ่าตัดเอาไตที่ฝ่อออกด้วย แล้วส่งไปทำการตรวจเพื่อหาสาเหตุในทางการแพทย์ โดยที่ยังไม่ได้แจ้งให้ทางญาติๆ ทราบเรื่องในทันที
หลังทำการผ่าตัดแล้วก็นำคนไข้ออกมานอนพักฟื้นเพื่อดูอาการ แต่ด้วยความคลาดเคลื่อนตรงที่ทั้งแพทย์และญาติไม่ได้พบกัน เนื่องจากมีภารกิจและเวลาไม่ตรงกันทำให้ไม่ได้พูดคุยและทำความเข้าใจกัน จนเมื่อญาติมาทราบภายหลังเลยคิดว่า เพราะเหตุใดจึงผ่าตัดเอาไตออกโดยไม่แจ้งให้ทางญาติทราบก่อน เมื่อทางญาติคนไข้มาขอคำตอบกับตน ตนก็อธิบายให้ฟังแล้วสองถึงสามครั้งแต่ทางญาติยังคงเศร้าเสียใจในการสูญเสีย เลยคิดว่าทางโรงพยาบาลกำลังพยายามแก้ตัวให้กับแพทย์ที่ผ่าตัด
“ผมยืนยันว่าไม่ได้มีการแก้ตัว และไม่ได้ปกป้องใคร”
และขณะนี้เรื่องทั้งหมดได้รายงานไปยัง ปลัดกระทรวงสาธารณสุขแล้ว เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อตรวจสอบในเรื่องนี้ และคณะกรรมการที่จะแต่งตั้งขึ้นมานั้นก็จะไม่มีผู้ที่เกี่ยวข้อในโรงพยาบาลร่วมอยู่ด้วยแม้แต่คนเดียว เพราะต้องการให้เรื่องทั้งหมดเป็นไปตามข้อเท็จจริง ดังนั้น ทั้งนิติกร นักกฎหมายหรือเจ้าหน้าที่ทุกคนจะเป็นคนนอกทั้งสิ้น
โดยขณะนี้ทางโรงพยาบาลกำลังรอหนังสือจากทางผู้ว่าราชการจังหวัด ที่จะเป็นผู้เซ็นอนุมัติการสอบสวน คาดว่าอีก 1-2 วันคงจะเริ่มทำการสอบสวนได้แล้ว ส่วนเวลาในการหาข้อเท็จจริงนั้นคงจะไม่เกินหนึ่งเดือน