พิษณุโลก - ศิลปากรที่ 6 สุโขทัย ส่ง จนท.รุดตรวจของเก่า หลังชาวบ้านพบในถ้ำแล้วขนกลับบ้าน แต่เจออาถรรพ์ต้องนำมามอบให้วัด ก่อนนำส่งมอบให้ผู้ว่าฯพิษณุโลกต่อ เบื้องต้นยังสรุปไม่ได้ว่า แท้ชัวร์หรือมั่วนิ่ม
วันนี้ (22 มิ.ย.) น.ส.ธณิการต์ วระรรมมานนท์ เจ้าหน้าที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง สำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย, นายประพันธ์ ภักตร์เขียว หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระพุทธชินราช ศิลปากรพิษณุโลก เดินทางมาที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพิษณุโลก เพื่อร่วมกันตรวจสอบและเก็บข้อมูลวัตถุโบราณเก่าแก่ เช่น พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน, ดาบ, กำไลข้อมือ หลังจากมีพระภิกษุนำมามอบให้ทาง นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการ จ.พิษณุโลก ซึ่งทางวัฒนธรรม จ.พิษณุโลก เป็นผู้เก็บรักษาเอาไว้
น.ส.ธณิการต์ กล่าวว่า ได้รับหนังสือจากสำนักงานวัฒนธรรม จ.พิษณุโลก ให้มาตรวจสอบวัตถุโบราณ ตามข้อมูลที่แจ้งไป เบื้องต้นไม่แน่ใจว่า เป็นของจริงหรือไม่ อาจต้องไปดูสถานที่พบหรือที่มาที่ไปก่อน วันนี้ขอเก็บข้อมูลรายงานผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 6 เท่านั้น ยังไม่ระบุวา ของเก่าหรือ ของทำเลียนแบบขึ้นมาใหม่
จากรูปแบบลักษณะวัตถุโบราณที่พบ มีทั้งยุคทวารวดี และยุคลพบุรี แต่ไม่ยืนยันว่าถึงยุคจริงหรือไม่เพียงแต่คล้ายๆ เนื้อวัตถุหลายชิ้นเป็นโลหะผสม จึงไม่สามารถบอกว่าเป็นของเก่าจริง ต้องรอพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์
ด้าน นายประพันธ์ กล่าวว่า มาร่วมตรวจสอบและเก็บข้อมูล แล้วจะนำเสนอไปยัง ผอ.สำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย เพื่อรายงานไปที่อธิบดีกรมศิลปากรอีกครั้ง ค่อยจัดส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะลงมาตรวจสอบอีก ซึ่งต้องให้ผู้รู้โดยตรงมาตรวจเพื่อป้องกันความผิดพลาด
อนึ่ง ของเก่าดังกล่าวหลวงพ่อนิพนธ์ สันตะจิตโต เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ เขาฤาษี ต.ไชยนาม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้นำมามอบให้กับ นายปรีชา เรืองจันทร์ ผวจ.ประกอบด้วย พระพุทธรูปเชียงแสนขนาดหน้าตัก 12 นิ้ว 1 องค์ ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว 1 องค์ พระพุทธรูปเงินหล่อ 1 องค์ พระพุทธรูปเนื้อ 3 กษัตริย์ 1 องค์ พระพุทธรูปยืน 1 องค์ ดาบ 2 เล่ม กริชใหญ่ 1 ด้าม กริชเล็ก 1 ด้าม ขวาน 1 เล่ม ตรีศูนย์ 1 อัน ปิ่นปักผม 1 อัน ตราประทับ 2 อัน เปลือกหอยสังข์ 2 ชิ้น กำไรแขนเนื้อชิน 2 คู่ ประคตเชือก 1 คู่ กำไร 2 วง แหวนหัวพญานาค 2 วง ที่ตั้ง 3 ขา 2 อัน และกรอบกระจก 1 อัน
ก่อนหน้านี้ หลวงพ่อนิพนธ์ เปิดเผยว่า มีชาวบ้านนำวัตถุโบราญดังกล่าวมามอบให้ที่สำนักสงฆ์ บอกว่า บังเอิญขุดไปพบอยู่ในโพรงขนาดใหญ่ภายในไร่มันสำปะหลังแห่งหนึ่ง จึงขนกลับไปไว้ที่บ้านโดยไม่บอกใคร แต่พอตกกลางคืนก็เกิดเหตุการณ์ประหลาด มีเสียงดังผิดปกติออกมาจากห้องที่ใช้เก็บวัตถุโบราณ และสุนัขเห่าหอนตลอดทั้งคืน ด้วยความกลัวเขาจึงตัดสินใจเอาของทั้งหมดมาให้กับทางวัด หลังจากนั้น ก็ได้ประสานให้ นายบุญเรือง แตงก่อ ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัด นำวัตถุโบราณล้ำค่ามอบต่อให้กับ ผวจ.เพื่อเก็บรักษาเข้าคลังหลวง