สภาทนายความสระแก้วเข้าช่วยเหลือชาวบ้านถูกนายทุนเบี้ยวจ่ายค่ามันสำปะหลัง

สระแก้ว- สภาทนายความสระแก้ว ยื่นมือเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน หลังถูกนายทุนเบี้ยวจ่ายเงินค่ามันสำปะหลัง มูลค่ารวมกันเกือบ 10 ล้านบาท‏

จากกรณีนายอภัย กันวิเชียร อายุ 41ปี อบต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว นายไพบูลย์ รันตวรรณ์ อายุ 53 ปี บ้านเลขที่ 27 หมู่ 10 ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว นำเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง 2 อำเภอ มี อ.ตาพระยา และ อ.โคกสูง จำนวน 50 ราย เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อนายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วติดราชการจึงได้มอบหมายให้นายอารยันต์ ท่าใหญ่ ป้องกันจังหวัดสระแก้ว มารับหนังสื่อขอความเป็นธรรม ณ หน้าศาลากลางจังหวัดสระแก้ว ต.ท่าเกษม อ.เมือง จ.สระแก้ว

นายอภัยกล่าวว่า เมื่อวันที่19 พฤษภาคม 2554 ตนพร้อมด้วยเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง จำนวน 36 คน ได้ทำหนังสือถึงนายอำเภอโคกสูง เพื่อขอความเป็นธรรมช่วยติดตามให้ชาวบ้านที่ขายหัวมันสำปะหลังให้แก่นายทินวัฒน์ ทรงชาติ อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 10 ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วยพี่สาวมาเช่าร้านทรัพย์เจริญ หมู่ 10 ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เปิดรับซื้อหัวมันตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนเมษายน 2554 ได้นัดผู้ขายหัวมัน มารับเงิน นัดแล้วนัดอีกจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับเงินจำนวน 8.5 ล้านบาท พวกตนเดือดร้อนมากไม่มีเงินชำระเงินหนี้ที่กู้ ธ.ก.ส.มา และค่าใช้จ่ายอื่นๆ จึงมาร้องขอความเป็นธรรม

ต่อมา นายวุฒิดนัย สวัสดินฤนาท นายอำเภอโคกสูง ได้ทำหนังสือถึงสภาทนายความจังหวัดสระแก้ว เพื่อเป็นทนายความอาสาช่วยเหลือชาวเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนดังกล่าว และในวันนี้สภาทนายความจังหวัดสระแก้วนำโดย นายนิติพัทธ์ พานทอง ประธานสภาทนายความ จังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วยนายเทิดศักดิ์ อาศัยกลาง นายวรพงษ์ วรัญญานนท์ และนายกริชรัตน์ เฮงเจริญ ทนายความอาสาได้นัดกลุ่มเกษตรกรทั้งหมดจำนวน 46 คน เพื่อหารือและสอบปากคำเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนหลังจากได้ข้อมูลจากเกษตรกรแล้วจะนำเสนอไปที่สภาทนายความแห่งประเทศไทยเพื่อทำการฟ้องศาลต่อไป

ด้าน นายนิติพัทธ์ พานทอง ประธานสภาทนายความ จังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า กรณีกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน มาขอพึ่งสภาทนายความเพื่อร้องขอความเป็นธรรม สภาทนายความจังหวัดสระแก้ว ได้ดำเนินการให้โดยทำการสอบปากคำผู้เสียหายทุกคน จากนั้น จะเสนอไปที่สภาทนายความแห่งประเทศไทยอนุมัติ จากนั้นจะทำการสอบปากคำผู้เสียหายอีกครั้ง และส่งอัยการฟ้องศาลต่อไป โดยจะทำการฟ้องทั้งคดีแพ่ง และคดีอาญาต่อไป