ศูนย์ข่าวขอนแก่น-“โสภณ” น้อยใจ ถูกหาว่าเป็น รัฐมนตรีหน้าเหมือนคนเลี้ยงเป็ด ลั่นมั่นใจได้ที่นั่ง ส.ส.มากกว่า 70 โดยเฉพาะภาคอีสานกวาดเรียบหลายจังหวัด ยืนยันขอเป็นพรรคร่วมรัฐบาลตลอดไป เพราะพรรคที่ได้คะแนนเสียงข้างมากไม่สามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้
เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 20 มิ.ย.2554 นายโสภณ ซารัมย์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ประธานที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย เปิดเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครของพรรค บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอน้ำพอง ให้กับนายปัญญา ศรีปัญญา ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 3 พรรคภูมิใจไทย ท่ามกลางประชาชนที่มารอรับฟังการปราศรัยร่วม3,000 คน
นายโสภณ ซารัมย์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การขึ้นเวทีปราศรัยทุกครั้งจะพูดถึงสิ่งที่ได้ทำอะไรไว้ในอดีตและอนาคตนั้นจะทำอะไรต่อไป ยอมรับว่าทุกพื้นที่การปราศรัยต้องแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือกันคือการให้ความสนใจและให้การสนับสนุนผู้สมัครของพรรค ทำให้วันนี้กระแสความนิยมของพรรคภูมิใจไทยดีขึ้นตามลำดับ นโยบายที่นำเสนอต่อประชาชนมาโดยตลอดล้วนแต่เป็นความต้องการและความชื่นชอบของชาวชุมชน คือ ในเรื่องของการล้างหนี้กองทุนหมู่บ้าน และการเพิ่มเงินเดือน อสม. เงินค่าตอบแทน อปพร.เป็นเดือนละ 1,000 บาท
ขณะที่เบี้ยยังชีพซึ่งจะเปลี่ยนเป็นเบี้ยเลี้ยงนั้นก็เพิ่มเป็นคนละ 1,000 บาทต่อเดือนเช่นกัน และให้ได้ทุกคนเมื่ออายุครบ 60 ปี ขณะที่นโยบายการประกันราคาข้าวเปลือกก็เป็นอีกหนึ่งนโยบายที่ได้รับการตอบรับจากพี่น้องเกษตรกรอย่างมาก ควบคู่ไปกับการล้างหนี้กองทุนหมู่บ้าน
นายโสภณกล่าวว่า ตนโชคดีที่เป็นลูกชาวนาและมีโอกาสได้มาเป็นรัฐมนตรี ดังนั้นจึงเข้าใจและรู้ซึ้งถึงปัญหาและความต้องการของคนยากคนจน มีบางพรรคมาเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงที่บ้านเกิดของตนที่บุรีรัมย์ มาว่ามาด่าตนว่าเป็นรัฐมนตรีหน้าตาเหมือนคนเลี้ยงเป็ด ซึ่งตนก็ไม่ตอบโต้และขึ้นเวทีปราศรัยที่ใดก็ไม่เคยต่อว่าใคร เพราะทุกคนเริ่มเบื่อกับการโจมตีหรือกล่าวหาในเรื่องต่างๆ นานา ต่อจากนี้ไปการทำกิจกรรมทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทยจะเข้มข้นและเต็มที่ไปจนถึงวันเลือกตั้ง
“ผมยังมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยจะได้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 70 ที่นั่ง และที่สำคัญคือพรรคยังคงประกาศเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการขอเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อสานงานต่อ เพราะพรรคที่ได้เสียงข้างมากและได้ที่นั่ง ส.ส. มากนั้นจะไม่สามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ และพรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคตัวเลือกอันดับแรกในการตั้งรัฐบาลครั้งต่อไป”
รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าวต่ออีกว่า คนในพรรคภูมิใจไทยทุกคนนั้นพูดแล้วทำและทำได้จริง ตนนั้นไม่กลัวที่ใครจะมาต่อว่าว่าไม่ทำงานหรือทำอะไรที่ทำให้แต่เฉพาะบ้านเกิดของตนเอง แต่สิ่งที่กลัวที่สุดคือประชาชนจะมาต่อว่าว่าเป็น ส.ส.และเป็นรัฐมนตรีแล้วนั้นไม่ทำอะไรเลย เหมือนอย่างที่หลายคนโดนว่าอยู่ในขณะนี้ และคำถามที่ตนจะถูกถามเสมอเมื่อลงพื้นที่ว่าตนเองและคนในภูมิใจไทยนั้นทรยศจริงหรือไม่ ตนยืนยันเลยว่าไม่จริง การก่อตั้งพรรคภูมิใจไทยนั้นก่อตั้งขึ้นหลังพรรคไทยรักไทยถูกยุบ ตนเองและนักการเมืองกลุ่มหนึ่ง ก็ต้องจัดตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่อไป
