ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านแห่ขึ้นโรงพักแจ้งจับผู้สมัคร ส.ส.เขตสายไหม อ้างสามารถทำเรื่องกู้ ธกส.ได้ แต่ต้องเสียค่าหัวคิว เผยมีคนตกเป็นเหยื่อนับพันมูลค่าความเสียหายนับล้านบาท
วันนี้(17 มิ.ย.54) มีรายงานว่ามีชาวบ้านประมาณ 20 คน เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบ สวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ว่าได้ถูกนายธนิตศักดิ์ นิธิพงศ์ไท อายุ 44 ปี และนางบงกฏ เจริญเทียน ผู้สมัคร ส.ส.เขตสายไหม เบอร์ 13 พรรคไทยเป็นสุข ฉ้อโกงทรัพย์มูลค่ารวมกันนับล้านบาท
โดยนางวิมล บุตรทรัพย์ อายุ 37 ปี หนึ่งในผู้เสียหายให้การว่า 2 สัปดาห์ก่อน ได้รับการติดต่อจากนายธนิตศักดิ์ ว่าสามารถทำเรื่องกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ได้ แต่ต้องเสียค่าดำเนินการจำนวน 2,500 บาทเมื่อหลงเชื่อจึงจ่ายเงินให้ แต่ก็เงียบหายไปพอภายหลังไปสอบถามความคืบหน้ากลับบอกว่าถูกคนอื่นโกงอีกต่อหนึ่งเช่นกันจึงเดินทางมาแจ้งความดังกล่าว
ต่อมานายธนิตศักดิ์ ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน และให้การปฏิเสธโดยชี้แจงว่าเป็นหนึ่งในผู้เสียหายเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ได้รู้จักกับนางบงกฏ มาก่อน ต่อมานางบงกฏ ติดต่อมาว่าสามารถทำเรื่องกู้เงินจาก ธกส. ในโครงการไทยเข้มแข็งได้ ในวงเงินรายละไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาท แต่ต้องเสียค่าดำเนินการรายละ 2,500 บาท
พร้อมให้โควต้าจำนวน 1,000 คน จึงเล่ารายละเอียดให้คนรู้จักและเพื่อนๆ ฟัง จากนั้นจึงร่วมกันหาสมาชิกจนได้มาประมาณ 900 คนรวบรวมเงินได้ล้านกว่าบาท จึงนำ ไปให้นางบงกฏ ที่บ้านพักย่านสายไหม กทม.แต่ปรากฏว่าต่อมาเมื่อทวงถามจากนางบงกฏ กลับถูกปฏิเสธโดยแจ้งมาว่าไม่มีเวลาคุยพร้อมกับอ้างว่าจะไปหาเสียง จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.สายไหมไว้ และเดินทางไปที่สำนักงาน กกต. ซึ่งทางเจ้าหน้าที่รับปากจะดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงให้
ขณะที่นางบงกฏ เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ว่ารู้จักกับนายธนิตศักดิ์ และเป็นคนแนะนำให้กู้เงินจาก ธกส.จริง เพราะต้องการสมาชิกพรรคเพิ่มเท่านั้น ส่วนเรื่องที่นายธนิตศักดิ์ ไปเก็บเงินจากสมาชิกมาเท่าไหร่นั้นไม่ทราบ เพราะนายธนิตศักดิ์ ก็ได้นำเงินมาให้แค่ 6-7 หมื่นบาท ไม่ได้เป็นหลักล้านอย่างที่กล่าวอ้าง และวานนี้ก็ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ของธนาคารเพื่อให้มาประชุมสมาชิก แต่นายธนิตศักดิ์ กับพวกกลับเดินทางมาทวงถามเอาเงินคืนโดยไม่ทราบสาเหตุ จนทางธนาคารต้องบอกยกเลิกโครงการ จึงอยากจะขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนด้วย เพราะเชื่อว่าน่าจะถูกพรรคการเมืองคู่แข่งกลั่นแกล้ง
ด้านพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เปิดเผยว่ามีผู้เสียหายรวมแล้วประมาณ 753 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท และได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายไปแล้วหลายราย ต่างให้การตรงกันว่าได้รับการติดต่อนายธนิตศักดิ์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวคิวว่าสามารถทำเรื่องกู้เงินได้ เบื้องต้นจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าฉ้อโกงทรัพย์ประชาชน ส่วนนางบงกฏ จะได้ออกหมายเรียกมาสอบปากคำเพื่อหาข้อสรุปของคดีนี้อีกครั้ง.
วันนี้(17 มิ.ย.54) มีรายงานว่ามีชาวบ้านประมาณ 20 คน เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบ สวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ว่าได้ถูกนายธนิตศักดิ์ นิธิพงศ์ไท อายุ 44 ปี และนางบงกฏ เจริญเทียน ผู้สมัคร ส.ส.เขตสายไหม เบอร์ 13 พรรคไทยเป็นสุข ฉ้อโกงทรัพย์มูลค่ารวมกันนับล้านบาท
โดยนางวิมล บุตรทรัพย์ อายุ 37 ปี หนึ่งในผู้เสียหายให้การว่า 2 สัปดาห์ก่อน ได้รับการติดต่อจากนายธนิตศักดิ์ ว่าสามารถทำเรื่องกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ได้ แต่ต้องเสียค่าดำเนินการจำนวน 2,500 บาทเมื่อหลงเชื่อจึงจ่ายเงินให้ แต่ก็เงียบหายไปพอภายหลังไปสอบถามความคืบหน้ากลับบอกว่าถูกคนอื่นโกงอีกต่อหนึ่งเช่นกันจึงเดินทางมาแจ้งความดังกล่าว
ต่อมานายธนิตศักดิ์ ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน และให้การปฏิเสธโดยชี้แจงว่าเป็นหนึ่งในผู้เสียหายเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ได้รู้จักกับนางบงกฏ มาก่อน ต่อมานางบงกฏ ติดต่อมาว่าสามารถทำเรื่องกู้เงินจาก ธกส. ในโครงการไทยเข้มแข็งได้ ในวงเงินรายละไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาท แต่ต้องเสียค่าดำเนินการรายละ 2,500 บาท
พร้อมให้โควต้าจำนวน 1,000 คน จึงเล่ารายละเอียดให้คนรู้จักและเพื่อนๆ ฟัง จากนั้นจึงร่วมกันหาสมาชิกจนได้มาประมาณ 900 คนรวบรวมเงินได้ล้านกว่าบาท จึงนำ ไปให้นางบงกฏ ที่บ้านพักย่านสายไหม กทม.แต่ปรากฏว่าต่อมาเมื่อทวงถามจากนางบงกฏ กลับถูกปฏิเสธโดยแจ้งมาว่าไม่มีเวลาคุยพร้อมกับอ้างว่าจะไปหาเสียง จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.สายไหมไว้ และเดินทางไปที่สำนักงาน กกต. ซึ่งทางเจ้าหน้าที่รับปากจะดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงให้
ขณะที่นางบงกฏ เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ว่ารู้จักกับนายธนิตศักดิ์ และเป็นคนแนะนำให้กู้เงินจาก ธกส.จริง เพราะต้องการสมาชิกพรรคเพิ่มเท่านั้น ส่วนเรื่องที่นายธนิตศักดิ์ ไปเก็บเงินจากสมาชิกมาเท่าไหร่นั้นไม่ทราบ เพราะนายธนิตศักดิ์ ก็ได้นำเงินมาให้แค่ 6-7 หมื่นบาท ไม่ได้เป็นหลักล้านอย่างที่กล่าวอ้าง และวานนี้ก็ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ของธนาคารเพื่อให้มาประชุมสมาชิก แต่นายธนิตศักดิ์ กับพวกกลับเดินทางมาทวงถามเอาเงินคืนโดยไม่ทราบสาเหตุ จนทางธนาคารต้องบอกยกเลิกโครงการ จึงอยากจะขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนด้วย เพราะเชื่อว่าน่าจะถูกพรรคการเมืองคู่แข่งกลั่นแกล้ง
ด้านพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เปิดเผยว่ามีผู้เสียหายรวมแล้วประมาณ 753 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท และได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายไปแล้วหลายราย ต่างให้การตรงกันว่าได้รับการติดต่อนายธนิตศักดิ์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวคิวว่าสามารถทำเรื่องกู้เงินได้ เบื้องต้นจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าฉ้อโกงทรัพย์ประชาชน ส่วนนางบงกฏ จะได้ออกหมายเรียกมาสอบปากคำเพื่อหาข้อสรุปของคดีนี้อีกครั้ง.
