xs
xsm
sm
md
lg

นักธรณีวิทยารุดตรวจ “แม่น้ำชี” เดือด - คาดเกิดจาก 2 สาเหตุ เตือนไม่ควรดื่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จนท.หลายหน่วยงานเข้าตรวจสอบแม่น้ำชี ร้อนระอุ พร้อมเก็บตัวอย่างน้ำและดิน ไปตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อหาสาเหตุ ที่บริเวณบ้านพลวง ต.คอโค อ.เมือง จ.สุรินทร์ วันนี้ (15 มิ.ย.)
สุรินทร์ - นักธรณีวิทยา รุดลงตรวจสอบ “แม่น้ำชี” ร้อนระอุเดือด เก็บตัวอย่างน้ำ-ดิน ไปตรวจพิสูจน์หาสาเหตุทางวิทยาศาสตร์ เบื้องต้นพบน้ำมีค่าความเค็มสูงลิบเทียบเท่าน้ำทะเล ส่วนสาเหตุคาดมาจาก 2 ปัจจัย คือ การหมักหมมของซากพืชที่ทับถมเป็นเวลานาน และการย่อยสลายของจุลินทรีย์ หรือเกิดจากการทำปฏิกิริยาทางเคมีของความเค็มที่ฝั่งอยู่ใต้พื้นดิน เตือน ปชช.อันตรายไม่ควรนำน้ำไปดื่ม

วันนี้ (15 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีแม่น้ำชี บริเวณบ้านพลวง คุ้มโคกช้าง ต.คอโค อ.เมือง จ.สุรินทร์ เกิดปรากฏการณ์น้ำในลำน้ำความลึกประมาณ 80-90 เซนติเมตร และดินใต้น้ำ ร้อนระอุผุดขึ้นเป็นจุดๆ เป็นบริเวณกว้างโดยไม่ทราบสาเหตุ จนทำให้ปลาลอยตายเหนือน้ำ และประชาชนที่ทราบข่าวได้พากันไปพิสูจน์พร้อมลงเดินลุยน้ำ และนำน้ำไปดื่มเป็นจำนวนมากวันละหลายร้อยคน เพราะเชื่อว่าจะสามารถรักษาโรคได้ นั้น

ล่าสุด วันนี้ เมื่อเวลา 14.00 น.นายทินกร คาทอง นักธรณีวิทยา ชำนาญการพิเศษ กรมทรัพยากรธรณี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณี เดินทางเข้าไปยังแม่น้ำชี บริเวณที่เกิดน้ำร้อนผุดขึ้น เพื่อเก็บตัวอย่างน้ำ และดิน ในจุดที่เกิดน้ำร้อนไปวิเคราะห์ตรวจสอบ หาค่าต่างๆ ของดิน และน้ำ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดความร้อนและ ความเค็มของน้ำ

จากการตรวจสอบค่าน้ำ ในเบื้องต้น พบว่า น้ำจืดในบริเวณที่เกิดความร้อน มีค่าความเค็มสูงผิดปกติมาก โดยวัดได้สูงถึง 14,096 มิลลิกรัมต่อลิตร ถือว่ามีค่าความเค็ม สูงเทียบเท่ากับระดับน้ำทะเล ส่วนน้ำจืดปกติ มีค่าเฉลี่ย อยู่ที่ 750-1,500 มิลลิกรัมต่อลิตรเท่านั้น

ส่วนเหตุของการเกิดความร้อน และความเค็มของน้ำ อาจมาด้วยปัจจัย 2 คือ การหมักหมม ของซากพืช ที่ทับถมกันเป็นเวลานาน และการย่อยสลายของจุลินทรีย์ ปัจจัยที่ 2 อาจเกิดจากการการทำปฏิกิริยาทางเคมี ของความเค็มที่ฝั่งอยู่ใต้พื้นดิน ทำให้เกิดน้ำร้อนขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องนำดินและน้ำ ไปตรวจวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

พร้อมกันนี้ ได้เตือนชาวบ้านที่นำเค็มไปดื่ม รักษาโรค อาจได้รับอันตราย ส่วนการลงไปแช่น้ำ รักษาโรค ตามความเชื่อ ทำได้ แต่คนที่มีแผลตามร่างกายที่ถูกน้ำได้ควรปิดแผลให้มิดชิด ก่อนลงไปแช่น้ำเค็ม

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุด วันนี้ ยังพบพื้นที่เกิดน้ำร้อนและน้ำเค็ม ในแม่น้ำชี เพิ่มอีก 1 จุด ห่างจากจุดเดิม ไปประมาณ 500-600 เมตร ใกล้บ้านฉางข้าว บ้านพลวง ต.คอโค อ.เมืองสุรินทร์ ระดับความร้อนสูงกว่าจุดแรก โดยพบว่าน้ำบริเวณนี้ มีความลึก 1-1.50 เมตร แต่ระดับความร้อนใต้น้ำสูงจากพื้นดินประมาณ 1 ฟุต เนื่องจากยังไม่มีประชาชนลงไปแช่น้ำ และไปกวนน้ำให้ขุ่น ความร้อนของน้ำบริเวณนี้ ยังร้อนคงที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบต่อไป

นอกจากนี้ ในช่วงเช้าที่ผ่านมาวันเดียวกันนี้ (15 มิ.ย.) นายเอกรัตน์ อังคสิทธิ์ นายอำเภอเมืองสุรินทร์ พร้อมด้วย นางธิดา จันทินมาธร นายก อบต.คอโค, เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเมืองสุรินทร์, เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุรินทร์ และเจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อม ภาค 11 นครราชสีมา ได้เดินทางมา ตรวจสอบและเก็บตัวอย่างน้ำ ในแม่น้ำชีที่บริเวณบ้านพลวง คุ้มโคกช้าง ต.คอโค อ.เมือง จ.สุรินทร์ ไปตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ เพื่อหาสารปนเปื้อนในน้ำ และสาเหตุของการเกิดความร้อนขึ้นใต้น้ำ เช่นกัน










กำลังโหลดความคิดเห็น