ศรีสะเกษ - ตร.กันทรลักษ์ ศรีสะเกษ แจ้งเพิ่มข้อหาหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทย กับสายลับเขมร - เวียดนาม ตรวจสอบพบพาสปอร์ตหมดอายุ พร้อมเตรียมขอออกหมายจับ 3 สายลับที่ยังหลบหนีอยู่ หลังเค้นสอบผู้หาเพิ่มเติมและได้ภาพสเกตซ์ใบหน้าทุกคนแล้ว
วันนี้ ( 14 มิ.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีที่ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 จับกุมผู้ต้องหา 3 สายลับ ชาวกัมพูชา - เวียดนามและชาวไทยมุสลิม ขณะลักลอบเข้ามาสำรวจหาพิกัดโจรกรรมข้อมูลฐานที่ตั้งทหารไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ที่บริเวณบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยขณะนี้ได้ฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไว้ที่เรือนจำ อ.กันทรลักษ์ และล่าสุดตำรวจได้ทำการสเกตซ์ภาพคนร้ายที่ยังหลบหนีอยู่ ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ เมื่อเวลา 18.30 น. พ.ต.อ.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผกก.สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ ประกอบด้วย พ.ต.ท.ประยุทธ ทับทิมไสย รอง ผกก.(สส.) สภ.กันทรลักษ์ และ พ.ต.ต.สังวร วันทะวี พงส.(สบ.2) ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองทหาร ไปทำการสอบปากคำ 3 ผู้ต้องหาเพิ่มเติมที่เรือนจำ อ.กันทรลักษ์
ผลการสอบสวนเพิ่มเติมปรากฏว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้ให้การที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับรูปพรรณสัณฐานของผู้ต้องสงสัยที่ยังหลบหนีอยู่ ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 คนคือ นายสุชาติ มูฮำหมัด อายุ 32 ปี สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย ศาสนาอิสลาม ,นายอึ้ง กิมไทย อายุ 43 ปี สัญชาติกัมพูชา เชื้อชาติกัมพูชา ศาสนาพุทธ และ นายเหวียง เติ้งยัง อายุ 37 ปี สัญชาติเวียดนาม เชื้อสายเวียดนาม ศาสนาพุทธ ได้ให้การว่า ผู้ต้องสงสัยที่ยังหลบหนีอยู่มีจำนวนทั้งสิ้น 3 คน จากที่ก่อนหน้านี้แจ้งว่ามีเพียง 2 คน เท่านั้น คือ นายวิชัย ไม่ทราบนามสกุล ชาวกัมพูชากับพวกรวม 3 คน
“ขณะนี้ได้ทำการสเกตซ์ภาพใบหน้าผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะได้ทำการขอออกหมายจับในเร็ว ๆ นี้ รอเพียงข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยเท่านั้น” พ.ต.อ.สมพจน์ กล่าว
พ.ต.อ.สมพจน์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานของนายอึ้ง กิมไทย อายุ 43 ปี สัญชาติกัมพูชา และ นายเหวียง เติ้งยัง อายุ 37 ปี พบว่า พาสปอร์ตหมดอายุ แต่มีการเข้ามาในเขตประเทศไทยได้อย่างไรนั้น จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะได้มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับ 2 ผู้ต้องหาในข้อหาหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และจะได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองของทางทหารทำการสอบปากคำผู้ต้องหาชาวเวียดนาม ซึ่งไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในพยานหลักฐานของสำนวนคดีต่อไป