ศูนย์ข่าวขอนแก่น - อีสานโพลเผยผลสำรวจล่าสุด ศึกเลือกตั้ง 3 ก.ค.คนอีสานเกือบครึ่งยังอาศัยชื่อพรรคการเมืองประกอบการตัดสินใจเลือกส.ส. ขณะที่นโยบายพรรคประชาธิปัตย์โดนใจมากกว่าพรรคเพื่อไทย
วันนี้ (14 มิ.ย.) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น(มข.) เปิดเผยผลสำรวจในประเด็น “ปัจจัยที่ใช้ตัดสินใจเลือกตั้งและนโยบายโดนใจชาวอีสาน” ซึ่งทำการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 1,208 ราย โดยพบว่ากลุ่มตัวอย่าง 48.5% จะเลือกเพราะพรรคการเมืองและผู้สมัคร ส่วนนโยบายหาเสียงเป็นปัจจัยรอง คิดเป็นร้อยละ 40.5
อาจารย์ประเสริฐ วิจิตรนพรัตน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน(ECBER) เปิดเผยว่า การสำรวจในประเด็นดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อสำรวจปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจของคนอีสานในการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค.นี้ รวมทั้งสำรวจความนิยมด้านนโยบายหาเสียงของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ คือ พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์
โดยได้ทำการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 1,208 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสานทั้งหมด 20 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ หนองคาย บึงกาฬ ชัยภูมิ เลย อุบลราชธานี อุดรธานี นครพนม หนองบัวลำภู สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สกลนคร มุกดาหาร ยโสธร และอำนาจเจริญ สำรวจระหว่างวันที่ 8-12 มิถุนายน 2554 ผลสำรวจดังนี้
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้กลุ่มตัวอย่างจะใช้ปัจจัยใดเป็นเครื่องตัดสินใจระหว่าง 1) ชื่อพรรคการเมืองและตัวผู้สมัคร และ 2) นโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง (ให้ตอบได้เพียง 1 ข้อเท่านั้น) ผลสำรวจออกมาว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 48.5 จะพิจารณาจากชื่อพรรคการเมืองและตัวผู้สมัคร ในขณะที่ร้อยละ 40.5 จะเลือกเพราะนโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง ส่วนอีกร้อยละ 11 ไม่แสดงความคิดเห็น
เมื่อสำรวจถึงความนิยมด้านโยบายหาเสียงของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ คือ พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ โดยในแบบสำรวจไม่ได้เปิดเผยว่าตัวเลือกในแต่ละข้อเป็นนโยบายของพรรคการเมืองใด ซึ่งผลการสำรวจความนิยมที่กลุ่มตัวอย่างมีต่อนโยบายหาเสียงในแต่ละด้าน พบว่านโยบายของพรรคประชาธิปัตย์กลายเป็นนโยบายที่โดนใจคนอีสานเป็นอันดับที่ 1 ในทุกด้าน
อาจารย์ประเสริฐระบุถึงผลการสำรวจครั้งนี้อีกว่าสำหรับพื้นที่เลือกตั้งภาคอีสาน กระแสของพรรคการเมืองและตัวผู้สมัครยังคงเป็นปัจจัยสำคัญอันดับแรกที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของกลุ่มตัวอย่าง ในขณะที่ นโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ มีความสำคัญรองลงมา ซึ่งผลที่ออกมาว่านโยบายของพรรคประชาธิปัตย์กลายเป็นนโยบายโดนใจคนอีสานมากที่สุดนั้น แสดงให้เห็นถึงโอกาสของพรรคการเมืองใหญ่ทั้ง 2 พรรค โดยพรรคเพื่อไทยสามารถใช้กระแสความนิยมของตัวพรรคในการหาเสียง
ส่วนประชาธิปัตย์สามารถกำหนดแนวนโยบายได้ถูกใจคนอีสานมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะได้จัดตั้งรัฐบาล ก็ควรทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพราะย่อมมีผลต่อคะแนนนิยมทั้งขณะเป็นรัฐบาล และมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป
วันนี้ (14 มิ.ย.) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น(มข.) เปิดเผยผลสำรวจในประเด็น “ปัจจัยที่ใช้ตัดสินใจเลือกตั้งและนโยบายโดนใจชาวอีสาน” ซึ่งทำการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 1,208 ราย โดยพบว่ากลุ่มตัวอย่าง 48.5% จะเลือกเพราะพรรคการเมืองและผู้สมัคร ส่วนนโยบายหาเสียงเป็นปัจจัยรอง คิดเป็นร้อยละ 40.5
อาจารย์ประเสริฐ วิจิตรนพรัตน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน(ECBER) เปิดเผยว่า การสำรวจในประเด็นดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อสำรวจปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจของคนอีสานในการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค.นี้ รวมทั้งสำรวจความนิยมด้านนโยบายหาเสียงของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ คือ พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์
โดยได้ทำการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 1,208 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสานทั้งหมด 20 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ หนองคาย บึงกาฬ ชัยภูมิ เลย อุบลราชธานี อุดรธานี นครพนม หนองบัวลำภู สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สกลนคร มุกดาหาร ยโสธร และอำนาจเจริญ สำรวจระหว่างวันที่ 8-12 มิถุนายน 2554 ผลสำรวจดังนี้
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้กลุ่มตัวอย่างจะใช้ปัจจัยใดเป็นเครื่องตัดสินใจระหว่าง 1) ชื่อพรรคการเมืองและตัวผู้สมัคร และ 2) นโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง (ให้ตอบได้เพียง 1 ข้อเท่านั้น) ผลสำรวจออกมาว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 48.5 จะพิจารณาจากชื่อพรรคการเมืองและตัวผู้สมัคร ในขณะที่ร้อยละ 40.5 จะเลือกเพราะนโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง ส่วนอีกร้อยละ 11 ไม่แสดงความคิดเห็น
เมื่อสำรวจถึงความนิยมด้านโยบายหาเสียงของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ คือ พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ โดยในแบบสำรวจไม่ได้เปิดเผยว่าตัวเลือกในแต่ละข้อเป็นนโยบายของพรรคการเมืองใด ซึ่งผลการสำรวจความนิยมที่กลุ่มตัวอย่างมีต่อนโยบายหาเสียงในแต่ละด้าน พบว่านโยบายของพรรคประชาธิปัตย์กลายเป็นนโยบายที่โดนใจคนอีสานเป็นอันดับที่ 1 ในทุกด้าน
อาจารย์ประเสริฐระบุถึงผลการสำรวจครั้งนี้อีกว่าสำหรับพื้นที่เลือกตั้งภาคอีสาน กระแสของพรรคการเมืองและตัวผู้สมัครยังคงเป็นปัจจัยสำคัญอันดับแรกที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของกลุ่มตัวอย่าง ในขณะที่ นโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ มีความสำคัญรองลงมา ซึ่งผลที่ออกมาว่านโยบายของพรรคประชาธิปัตย์กลายเป็นนโยบายโดนใจคนอีสานมากที่สุดนั้น แสดงให้เห็นถึงโอกาสของพรรคการเมืองใหญ่ทั้ง 2 พรรค โดยพรรคเพื่อไทยสามารถใช้กระแสความนิยมของตัวพรรคในการหาเสียง
ส่วนประชาธิปัตย์สามารถกำหนดแนวนโยบายได้ถูกใจคนอีสานมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะได้จัดตั้งรัฐบาล ก็ควรทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพราะย่อมมีผลต่อคะแนนนิยมทั้งขณะเป็นรัฐบาล และมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป
