กรมกิจการชายแดนเตรียมพร้อมประชุมไทย+อินโดนีเซีย

ประจวบคีรีขันธ์ - จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และกรมกิจการชายแดนทหารร่วมประชุมเตรียมความพร้อม ในการต้อนรับคณะนายทหาร ภริยาและผู้เกี่ยวข้อง ที่จะเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการหารือทางทหารระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 18-22 มิ.ย.54 ที่จะถึงนี้

วันนี้ (13 มิ.ย.) ที่โรงแรมหัวหิน แกรนด์ แอนด์ พลาซ่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พลตรี พงศธร ฉายกำเนิด รองเจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการ กองทัพไทย เป็นประธานในการประชุมเตรียมความพร้อมการจัดประชุมคณะกรรมการหารือทางทหารระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย ครั้งที่ 5 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-22 มิถุนายน 2554 ณ โรงแรมโซฟิเทล เซนทารา แกรนด์ หัวหิน มีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ท่าอากาศยานหัวหิน ศูนย์การทหารราบ เข้าร่วมประชุม

การประชุมคณะกรรมการระดับสูง (High Level Committee-HLC) ไทย-อินโดนีเซีย เป็นการประชุมร่วมในลักษณะทวิภาคีระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพอินโดนีเซีย ซึ่งกำหนดให้จัดการประชุมร่วมกันปีละ 1 ครั้ง โดยสลับกันเป็นเจ้าภาพ

โดยมีวัตถุประสงค์ให้คณะกรรมการได้พบปะหารือแลกเปลี่ยนทัศนะในเรื่องต่าง ๆ เพื่อเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างระหว่างกองทัพไทย และกองทัพอินโดนีเซีย ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ส่งเสริมความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน รวมทั้งเสริมสร้างความเจริญทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนของทั้งสองประเทศ การประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย

สำหรับการประชุมครั้งนี้ ได้มีการหารือและมอบหมายภารกิจสำคัญ ทั้งการรักษาความปลอดภัย การประชาสัมพันธ์ การให้การต้อนรับ การจัดเตรียมสถานที่ และการอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักสำคัญในการที่จะแสดงศักยภาพของกองทัพไทย และประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของไทยไปพร้อมกันด้วย

โดยครั้งนี้คณะนายทหาร ภริยา และผู้เกี่ยวข้อง จะเดินทางโดยเครื่องบิน ซี-130 มาลงที่ท่าอากาศยานหัวหิน เพื่อเข้าร่วมประชุมกับฝ่ายไทย ซึ่งภายหลังการประชุมจะมีกิจกรรมเพื่อการพักผ่อนหลายอย่าง อาทิ การเล่นกอล์ฟ เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โครงการพระราชดำริ ในพื้นที่อำเภอหัวหิน และปราณบุรี

อาทิ ศูนย์ศึกษาระบบป่าชายเลนสิรินาถราชินี โครงการชั่งหัวมัน เป็นต้น ซึ่งนอกจากเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางทหารและความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของทั้งสองประเทศ ยังจะต้องถือโอกาสในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยอีกทางหนึ่งด้วย