ประจวบคีรีขันธ์ - พบครอบครัวยากจนยายตองวัย 81 ปี ชาวหัวหิน พร้อมลูกสาว 3 คนไร้บัตรประชาชนค่อนชีวิต ไร้สิทธิทุกอย่างมากว่า 60 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ชุมชนรถไฟด้านตะวันออก เขตเทศบาลเมืองหัวหิน เป็นครอบครัวยากจน ล่าสุด 2 นักธุรกิจใจบุญช่วยเหลือจนได้บัตรทั้งครอบครัว
วันนี้ (10 มิ.ย.) นายนพพร วุฒิกุล เจ้าของร้านอาหารเรือริมธาร และประธานชมรมพัฒนากีฬาหัวหิน พร้อมด้วย น.ส.บุษบา โชคสุชาติ นักธุรกิจหัวหิน ได้แจ้งต่อชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่าพบครอบครัวกล่ำกล่อมจิต ไม่มีบัตรประชาชนมานานกว่า 80 ปี รวมไปถึงลูกสาวอีก 3 คน ไม่มีโอกาสได้เรียน อ่านหนังสือไม่ออก และไม่ได้ใช้สิทธิเช่นคนอื่นๆ เป็นครอบครัวยากจนอาศัยอยู่ในชุมชนฝั่งรถไฟด้านตะวันออก เขตเทศบาลเมืองหัวหิน ซึ่งครอบครัวครัวนี้อาศัยรับจ้างอยู่ที่หัวหินมานานเกือบ 80 ปีแล้ว
ล่าสุดได้ให้การช่วยเหลือประสานทั้งเทศบาลเมืองหัวหิน และอำเภอหัวหิน จนสามารถทำบัตรประชาชนได้ทั้งครอบครัว พร้อมกันนั้นได้พาสื่อมวลชนเดินทางไปยังบ้านพักในชุมชนฝั่งรถไฟด้านตะวันออก ที่อยู่อาศัยของครอบครัวกล่ำกล่อมจิตซึ่งอยู่ในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ปลูกเป็นเพิงพักลักษณะบ้านชั้นเดียว โดยมียายตอง กล่ำกล่อมจิต อายุ 81 ปี ซึ่งตาด้านขวาเป็นต้อเนื้อและมองไม่ค่อยเห็น อาศัยอยู่กับลูกสาวอีก 4 คน คือ น.ส.แอ๊ด อายุ 57 ปี, น.ส.สำรวย อายุ 54 ปี และน.ส.สุดา อายุ 46 ปี พร้อมหลานๆ อีกหลายคน
ทันทีที่ครอบครัวดังกล่าวเห็นนายนพพร และ น.ส.บุษบา ที่พาสื่อมวลชนเข้าไปต่างยกมือไหว้และแสดงความขอบคุณท่ามกลางน้ำตานองหน้าที่ทั้ง 2 คนได้ให้การช่วยเหลือจนทั้งครอบครัวมีบัตรประชาชนเหมือนคนอื่น
ยายตองกล่าวว่า อายุมาถึงขนาดนี้แล้วก็ไม่ได้หวังอะไรอีกเกี่ยวกับบัตรประชาชน เพราะที่ผ่านมาได้เดินทางไปขอทำบัตรประชาชนหลายแห่งหลายที่ ทั้งที่อำเภอหัวหิน และจนมีเทศบาลเมืองหัวหิน ก็ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่เหมือนกันว่าต้องหาเอกสารทั้งใบแจ้งเกิด บุคคลรับรอง และอีกหลายต่อหลายรายการ ซึ่งยายเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อไปมีเอกสารอะไรเหลืออยู่เลย เพราะช่วงนั้นตนเองเคยมีบัตรในช่วงสมัยก่อนมาครั้งหนึ่งและถูกญาติพี่น้องคัดชื่อออกก็เลยทำให้ไม่มีบัตรฯ เรื่อยมา
ส่วนลูกสาวทั้ง 3 คนนั้นพ่อก็ไม่ได้ไปแจ้งเกิดจึงกลายเป็นคนไม่มีบัตรประชาชน หรือเป็นคนเถื่อนกันมาตลอด ตนเองสงสารลูกๆ ที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือเพียงเพราะไม่มีบัตรประชาชน ยังชีพด้วยการรับจ้างเก็บพืชผัก รับจ้างทั่วไปเลี้ยงชีวิตและลูกมาจนถึงทุกวันนี้ อย่าว่าแต่ทำอะไรไม่ได้เลย “ทีแรกก็นึกว่าตายแล้วยังเข้าวัดไมได้เพราะไม่มีบัตรประชาชน” ไม่สบายก็ต้องรักษาใช้เงินรักษาไปตามมีตามเกิด
จนมาถึงวันนี้มาถึงรุ่นลูกรุ่นหลานก็ช่วยกันที่จะหาช่องทางทำบัตรประชาชน เพราะเป็นคนจนไม่รู้จะหาที่พึงทางไหน จนกระทั่งลูกสาวมีครอบครัว และมีลูกก็ได้หลานสาวที่มีโอกาสเรียนหนังสือบ้าง อ่านออกเขียนได้พยามติดต่อหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งเทศบาลเมืองหัวหิน และอำเภอหัวหิน จนกระทั่งได้นายนพพร และ น.ส.บุษบา เข้ามาเดินเรื่องติดต่อเทศบาล อำเภอ จนยายได้บัตรประชาชนเมื่อเดือน ม.ค.54 ที่ผ่านมา รู้สึกดีใจจนพูดไม่ออก ดีใจที่ยังมีคนให้การช่วยเหลือครอบครัวของเรา แต่ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีบัตรประชาชนแล้วก็ตาม จะไปไหนก็ต้องให้ลูกสาวหรือหลานๆ พาไป โดยเฉพาจะไปรักษาตาหรือผ่าต้อกระจกก็คงไม่ไหวแล้ว “สงสารก็ตรงที่ลูกสาวทั้ง 3 คน ที่ผ่านมาไม่ได้เรียนหนังสือก็เพราะไม่มีบัตรประชาชน”
ขณะเดียวกัน น.ส.แอ๊ด ลูกสาวยายตอง ซึ่งเป็นคนพี่ อายุที่ผ่านมาถึง 57 ปีแล้วเพิ่งได้บัตรประชาชนเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 54 พร้อมกับน้องสาวอีก 2 คน กล่าวทั้งน้ำตาว่า ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสมีบัตรประชาชน จะได้ไม่มีใครพูดว่าเราเป็นคนเถื่อนอีกต่อไป วันนี้ตนเองมีครอบครัว ลูกมีบัตรประชาชน ได้มีโอกาสเรียนหนังสือ บางครั้งเราก็รู้สึกเสียใจที่ไม่มีโอกาสเรียนหนังสือไปทำงานเหมือนคนอื่น ไม่ได้รับการศึกษา รับจ้างทำกินไปวันๆ อ่านหนังสือก็ไม่ออก เขียนไม่ได้ อาศัยไปไหนขี่จักรยานยนต์จำทางว่ารถเข้าออกตรงไหน
ทุกวันนี้ไม่เคยโทษว่าเป็นความผิดของพ่อหรือของแม่แต่อย่างใด คิดว่าเป็นเวรกรรม ยิ่งตอนแม่ได้บัตรประชาชนแทบจะไม่น่าเชื่อ เพราะคิดว่าคงไม่มีโอกาส เพราะทั้งพี่ชายแม่และพี่สาวคนที่รับรองก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว ตนเองซึ้งในน้ำใจของทั้งสองคนที่ยื่นมือให้การช่วยเหลือ จนวันนี้ทั้งแม่ตนเองและน้องๆ มีบัตรประชาชนกันครบทุกคน มีสิทธิเท่าเทียมเหมือนคนอื่นแล้ว ไม่รู้จะขอบคุณและตอบแทนได้ขนาดไหนถึงจะคุ้มค่า ยอมรับว่าที่ผ่านมาหมดกำลังใจไปแล้วกับการที่ยืนเรื่องขอมีบัตรประชาชน ตอนนี้ได้บัตรมาแล้วก็จะไปยืนเรื่องของสิทธิในการรักษาจากโรงพยาบาลของรัฐต่อไป รวมทั้งเรื่องอื่นด้วยๆ
เช่นกับ น.ส.สำรวย อายุ 54 ปี ลูกสาวของยายตอง กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่สุด วันที่ไปรับบัตรประชาชนที่เทศบาลเมืองหัวหิน กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริงๆ ใครจะไปคิดว่าอายุเกือบจะ 60 ปีแล้วเพิ่งจะมีบัตร ตอนนี้เรื่องการไปใช้สิทธิเลือกตั้งนั้นคงยังทำไม่ได้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร สิ่งสำคัญวันนี้อยากทำมากที่สุดคือการที่จะอยากเรียนหนังสือเพื่อให้อ่านออกเขียนได้บ้าง แต่ดูเหมือนว่ามันคงลำบาก โชคดีที่ลูกสาวมีโอกาสเรียนหนังสือ ได้ใช้ความพยามจนสามารถทำให้ครอบครัวเราได้มีบัตรประชาชน
น้องส้ม วันดี ปรางงาม วัย 26 ปี ลูกสาวของสำรวย อาชีพขับจักรยานยนต์รับจ้าง กล่าวว่า ถึงแม้ว่าแม่และยาย รวมถึงป้าๆ ทุกคนจะไม่มีบัตรประชาชน ที่ผ่านมาในอดีตนั้นทุกคนอาจคิดกันว่าหมดหวังไปแล้ว แต่ส้มรู้สึกว่าได้ใช้ความพยามจนสำเร็จ โชคดีได้ผู้ใจบุญที่ทั้ง 2 คนให้การช่วยเหลือ เมื่อก่อนไปติดต่อครั้งใดก็จะได้คำตอบเหมือนกันว่าไปหาเอกสารหลักฐานและคนยืนยันมาให้ได้ถึงจะทำบัตรได้ อีกทั้งเมื่อเจอใครก็จะได้รับคำตอบว่ายากที่จะมีบัตรประชาชน แต่ส้มก็ไม่เคยย่อท้อพยามจนสำเร็จ
“วันนี้ทั้งยายและป้าที่ได้บัตรทุกคนก็ดีใจ เพราะอย่างน้อยที่สุดก็เป็นสิ่งสำคัญว่าเราคือคนไทย นับจากนี้ไปสิทธิต่างๆ ก็คงจะมีเหมือนคนอื่นที่เขาได้ใช้บริการ บางครั้งแม่เคยพูดให้ฟังว่าหากเราตายไปจะไปเผากันที่ไหน เพราะเข้าวัดยังต้องใช้บัตรประชาชน บางครั้งเราก็รู้สึกทดท้อใจ”
สำหรับนายนพพร วุฒิกุล และ น.ส.บุษบา โชคสุชาติ กล่าวว่า วันนี้การที่ได้ติดต่อประสานงานให้ครอบครัวกล่ำกล่อมจิตได้มีบัตรประชาชน ซึ่งได้ดำเนินการผ่านไปยังเทศบาลเมืองหัวหิน นายอำเภอหัวหิน ซึ่งก็ถือว่ายายตองได้บัตรประชาชนเมื่อเดือน ม.ค.54 ที่ผ่านมา ซึ่งน้องส้มได้มาปรึกษามานานแล้วตั้งแต่ปี 2553 และมีการเดินเรื่องมาโดยตลอด และถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนหัวหิน เป็นคนไทย เพียงแต่ที่ผ่านมาการที่ครอบครัวนี้เขาเป็นคนยากจนไม่มีความรู้ บางครั้งไปติดต่อราชการก็เลยดูเหมือนเป็นอุปสรรค ยิ่งต้องค้นหาหลักฐาน คนรับประกันว่าเป็นใครพื้นเพมาจากไหน
จุดนี้ราชการก็ทำตามหน้าที่เพราะเค้าก็ต้องมีความระมัดระวัง พอยายตองได้บัตร มันก็ง่ายขึ้นทำให้เราเดินหน้าดำเนินการช่วยเหลือประสานงานจนทำให้ล่าสุดลูกสาวยายตองอีก 3 คนได้บัตรประชาชน ครบหมดแล้ววันนี้อยากฝากถึงผู้ที่ยังไม่มีบัตรประชาชน ต้องพยามเพราะเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับชีวิต เราก็รู้สึกดีใจที่ได้ช่วยเหลือคนหัวหินด้วยกัน วันนี้ใครที่ยังไม่มีบัตรประชาชนก็อยากให้ไปติดต่อประสานงาน อย่าท้อแท้หมดหวัง