xs
xsm
sm
md
lg

พบเกษตรกรแพร่เจอโทษจำคุกแล้ว หลังไม่ยอมจ่าย 2 หมื่นให้ ตร.แลกเป่าคดีรุกป่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แพร่ - เปิดบทเรียนสังคมไม่เป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมชั้นต้น พบเกษตรกรเมืองแพร่ ถูกศาลสั่งติดคุกข้อหารุกป่าสงวนแห่งชาติ หลังไม่ยอมจ่ายใต้โต๊ะ 2 หมื่นบาท ให้ตำรวจ ทั้งที่ ครม.มีมติผ่อนผันให้อยู่อาศัยในที่ดินเขตป่า สุดท้ายถูกพนักงานสอบสวนร่ายมนต์ส่งฟ้อง ด้านเครือข่ายลุ่มน้ำแม่สรอย เคลื่อนไหวประณามรัฐ

นายทิศ มูลลี อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 130/1 หมู่ 10 ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ เกษตรกรยากจนซึ่งถูกข้อหายึดครองถือครองทำประโยชน์ ก่นสร้าง แผ้วถางป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องเข้าฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดแพร่ บัลลังก์ 2

ทั้งนี้ มีนายพิทักษ์ รัตนเดชากร ทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาศาลได้อ่านคำพิพากษาความผิดฐานบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2554 เรื่องความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 44 วรรคหนึ่ง 72 ตรีวรรคหนึ่ง ปรับ 10,000 บาท จำคุก 6 เดือน เนื่องจากจำเลยรับสารภาพจึงลดโทษเหลือจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี

การตัดสินดังกล่าวทำให้ นายทิศ มูลลี กลายเป็นผู้กระทำความผิดไปในทันที แม้ว่าพื้นที่ของนายทิศ จะมีหลักฐานการถือครอง กรมป่าไม้ทำการรังวัดแยกระวางป่าสงวนแห่งชาติแม่สรอยให้กับนายทิศ รอการออกเอกสารสิทธิทำกิน (สทก.10) ร่วมกับเกษตรกรอีกจำนวน 38 รายก็ตาม และการแบ่งระวางดังกล่าวออกโดยงานการจัดการที่ดินป่าไม้ศูนย์ประสานงานป่าไม้แพร่ 140 ถนนยันตรกิจโกศล ต.ป่าแมต อ.เมือง จ.แพร่ โดยได้ออกหนังสือรับรอง ระบุว่า เมื่อปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ที่จะดำเนินการออก สทก.1 ตามแผนงานของกรมป่าไม้ ซึ่งอยู่ในช่วงดำเนินการ

นายทิศ กล่าวว่า ตนออกไปทำไร่ เตรียมที่ดินปลูกข้าวโพด เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2553 ในที่ดินของ นางไพริน มูลลี ภรรยา และ นายสมนึก ตุ้ยหนิ้ว ญาติ ที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่บริเวณป่าห้วยปางจาว หมู่ 1 ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ ซึ่งจุดที่ไปทำไร่อยู่ในระวางที่ป่าไม้อนุญาตให้แล้ว ขณะกำลังเตรียมปลูกข้าวโพดมีเฮลิคอปเตอร์ บินลงมาส่งเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม ถึงแม้ว่าตนจะแจ้งว่า เป็นที่ดินที่อนุญาตแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ไม่ฟังยังคงจับกุม

หลังถูกจับกุมตนได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทยภาครัฐ ที่มีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นประธาน ซึ่งต่อมากรมป่าไม้ได้เข้ามาตรวจสอบตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2554 ส่ง นายจรัส นีรนาทไพบูลย์ หัวหน้าสายตรวจการปราบปรามการกระทำผิดว่าด้วยกฎหมายป่าไม้ภาคเหนือ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากกรมป่าไม้ โดยมีนายธัญภาคย์ ริมฝาย หัวหน้าสายตรวจการกระทำผิดว่าด้วยกฎหมายป่าไม้ จ.แพร่ เข้าตรวจสอบ

พบว่า จุดที่เกิดเหตุนายทิศ ไม่ได้ทำการบุกรุก แต่เป็นพื้นที่ สทก.เก่า และมีการรังวัดใหม่ สังเกตได้จากหลักเขตที่ดินมีตั้งอยู่ 2 หลัก ซึ่งนายจรัส พร้อมที่จะไปให้การในชั้นศาลช่วยชาวบ้าน ในขณะเดียวกันนายสหวิทย์ อภิชัยวิศรุตกุล นายอำเภอวังชิ้น ได้ทำหนังสือยืนยันไปยังอัยการจังหวัดแพร่ ว่า ไม่มีเจตนาบุกรุก

นายทิศ กล่าวต่ออีกว่า การที่ตนต้องถูกดำเนินคดีเนื่องจากพนักงานสอบสวน สภ.สรอย เรียกรับเงินจำนวน 20,000 บาทในการทำคดีให้สั่งไม่ฟ้องแต่ไม่มีเงินจ่าย และเครือข่ายอนุรักษ์ป่าลุ่มน้ำแม่สรอย ยืนยันว่าไม่ต้องจ่าย ทำให้ตนไม่ไปกู้หนี้ยืมสินมาจ่ายตำรวจ แต่หลังจากนั้นคดีได้นำส่งอัยการและอัยการก็สั่งฟ้องในเวลาต่อมา

“ผมไม่เข้าใจเลยว่า กฎหมายเมืองไทยทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ที่ดินของผมมีมติคณะรัฐมนตรีให้ผ่อนผันการจับกุมชัดเจน แต่ยังถูกจับดำเนินคดี ชาวบ้านรายอื่นๆ ไม่เห็นถูกจับเหมือนกับผม”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำสั่งศาลดังกล่าว กำลังทำให้ชาวบ้านที่ถือครองที่ดินแบบเดียวกัน หวั่นว่าจะถูกดำเนินคดีด้วย

พระยงยุทธ ทีปโก เจ้าอาวาสวัดปางงุ้น ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ กล่าวว่า นี่เป็นปรากฏการณ์ความไม่เป็นธรรมในสังคม แม้ว่าจะมีการชี้แจงหลักฐาน และแนวทางนโยบายรัฐ แต่เจ้าหน้าที่ไม่สนใจที่จะรักษาความเป็นธรรม ให้เกิดขึ้นในสังคม นายทิศ เป็นเพียงเหยื่อของการโกงกิน ในการรีดเงินใต้โต๊ะ ถ้าไม่ให้ประชาชนย่อมรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตนเอง เพราะฉะนั้นถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปประเทศล่มสลายแน่

“อาตมาจะนำเรื่องนี้เข้าหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ และกรรมการปฏิรูปประเทศไทยต่อไป”

กำลังโหลดความคิดเห็น