ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้ว่าฯชลบุรี ประสาน 3 หน่วยงานหลัก ดีเอสไอ ป.ป.ท. ปปง.กวาดล้างยาเสพติดครั้งใหญ่ เผย มีผู้ค้ายารายใหญ่ 11 ราย ที่ต้องกวาดล้าง ซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ตำรวจ ประชาชน พร้อมวางรูปแบบให้เป็นจังหวัดต้นแบบในการกวาดล้างยาเสพติดของประเทศต่อไป
วันนี้ (7 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดชลบุรี นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านยาเสพติด ประกอบด้วย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตำรวจภูธรภาค 2, ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด จังหวัดชลบุรี เพื่อวางมาตรการในการกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งถือว่ามีอัตราการแพร่ระบาดของยาเสพติดสูงที่สุด
ในการประชุมปรึกษาในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลในเชิงลึก เพื่อกวาดล้างขบวนการค้ายาเสพติดให้สิ้นซาก โดยพบว่า จังหวัดชลบุรีมีผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ จำนวน 11 ราย ซึ่งประกอบด้วย นักการเมืองท้องถิ่น ,ข้าราชการตำรวจ, พ่อค้า และประชาชน ส่วนผู้ค้ารายย่อยและขนาดกลาง มีทั้งสิ้น 100 กว่าราย
นายวิชิต กล่าวต่อไปว่า สำหรับปัญหาของยาเสพติดนั้น ที่ผ่านมา ก็มีการกวาดล้างอย่างต่อเนื่อง และถือว่าประสบผลสำเร็จ แต่ในความเป็นจริงยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะยังมีการร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ของจังหวัดอย่างต่อเนื่องถึงปัญหา ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การกวาดล้างยาเสพติดยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร เนื่องจากการจับกุมที่ผ่านมาเป็นเพียงรายเล็กๆ เท่านั้น ดังนั้น จึงต้องมีมาตรการในการกวาดล้างรายใหญ่ๆให้ได้ เพื่อตัดตอนผู้ค้ารายเล็กๆรายขนาดกลางให้หมดไป
ขณะนี้จังหวัดได้ให้ข้อมูลในเชิงลึกกับหน่วยงานด้านยาเสพติด เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อจะจัดการกับผู้ค้ารายใหญ่ในจังหวัดชลบุรีให้หมดไป ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 11 รายใหญ่ โดยจะต้องทำอย่างไรให้ยาเสพติดหมดไป ซึ่งไม่ใช่ต้องมียาเสพติด แต่หากเข้าไปมีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินการทันที
นายวิชิต กล่าวต่อไปว่า ตนจะทำให้จังหวัดชลบุรี เป็นจังหวัดตนแบบในการกวาดล้างยาเสพติด โดยหากประสบผลสำเร็จ ทุกๆ จังหวัดจะต้องนำรูปแบบดังกล่าวไปใช้ และตนมั่นใจว่าการกวาดล้างยาเสพติดในครั้งนี้ จะได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากทุกหน่วยงานให้ความร่วมมืออย่างจริงจัง โดยจะสกัดทุกจุดทุกด่านที่เป็นช่องโหวการรั่วไหลของยาเสพติด เช่น เรือนจำ จากประเทศเพื่อนบ้าน