ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “หลวงพ่อคูณ” เหนื่อย หอบ อ่อนเพลีย แพทย์ตรวจพบระบบหัวใจผิดปกติเหตุจากน้ำตาลลดฮวบเฉียบพลันเมื่อ 3 วันก่อน ต้องเลื่อนให้พ่อคูณกลับไปพักฟื้นที่วัดบ้านไร่ออกไปอย่างไม่มีกำหนด พร้อมสั่งพยาบาลเฝ้าติดตามภาวะน้ำตาลในเลือดอย่างใกล้ชิด
ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่พักรักษาด้วยวัณโรคปอดอยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ครบ 1 เดือนเต็มในวันนี้
ล่าสุดอาการโดยรวมยังทรงตัว แต่มีอาการอ่อนเพลีย อิดโรย โดยนักกายภาพบำบัดโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้เข้าไปทำกายภาพบำบัดให้กับหลวงพ่อคูณบนเตียงผู้ป่วยแทนการให้หลวงพ่อลงไปทำกายภาพที่บริเวณชั้น 1 ของอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ เหมือนทุกครั้ง
นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือดโรงพยาบาลมหาราชนครราสีมา เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อ 3 วันที่แล้ว คณะแพทย์ตรวจพบหลวงพ่อคูณมีระดับน้ำตาลในกระแสเลือดต่ำกว่าเกณฑ์อยู่ที่ 40 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น จนต้องให้น้ำเกลือ และกลูโคสรวมถึงยารักษาอื่นๆ ทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ และทำให้อาการของหลวงพ่อดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดคณะแพทย์ตรวจพบสิ่งผิดปกติในระบบหัวใจของหลวงพ่อคูณ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลงเฉียบพลันดังกล่าว ส่งผลให้หลวงพ่อมีอาการหอบ เหนื่อย และอ่อนเพลีย ได้กำชับเจ้าหน้าที่พยาบาลที่ดูแลเฝ้าสังเกตอาการหลวงพ่ออย่างใกล้ชิด เนื่องจากท่านมีโอกาสที่ระดับน้ำตาลในเลือดจะลดต่ำลงอย่างเฉียบพลันได้ทุกเวลา พร้อมให้คอยเจาะเลือดหลวงพ่อไปตรวจบ่อยขึ้นวันละ 3-4 ครั้งจากเดิมแค่วันละครั้ง เพื่อป้องการการช็อกจากภาวะน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างรวดเร็ว
ส่วนการรักษาแพทย์ยังคงให้ยารักษาวัณโรคต่อเนื่องไปอีกจนครบ 8 สัปดาห์ตามกำหนด พร้อมให้อาหารเหลวทางสายยางต่อเนื่องเช่นกัน และเนื่องจากแพทย์ตรวจพบความผิดปกติในระบบหัวใจของหลวงพ่อคูณ จึงจำเป็นต้องเลื่อนกำหนดเดิมที่จะให้กลับไปพักฟื้นที่วัดบ้านไร่หลังรับยารักษาวัณโรคครบ 8 สัปดาห์ออกไปอย่างไม่มีกำหนด และคงต้องให้หลวงพ่อนอนพักรักษาที่โรงพยาบาลต่อไปจนกว่าคณะแพทย์จะมั่นใจ ขณะนี้ได้ให้นักกายภาพขึ้นมาทำกายภาพให้หลวงพ่อทุกวัน เพื่อให้มีเรี่ยวแรงและช่วยไม่ให้หลวงพ่อนอนเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้