พ่อคูณดีขึ้นเกือบเป็นปกติ ฉันอาหารเองได้

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “พ่อคูณ” ดีขึ้นเกือบเข้าสู่ภาวะปกติ ฉันอาหารเองได้ 10 คำ แต่แพทย์ยังให้อาหารเหลวทางสายยางต่อเนื่องเหตุร่างกายขาดสารอาหารมานาน เผยร่างกายหลวงพ่อเริ่มฟื้นตัว สั่งนักกายภาพนำตัวลงไปทำกายภาพ 3 วันต่อ 1 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มความเข็งแรงกล้ามเนื้อและเปลี่ยนบรรยากาศจากห้องพัก

วันนี้ (30 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาวัณโรคปอดอยู่ที่หอผู้ป่วยพิเศษ 9821ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมาตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา

ล่าสุด อาการโดยรวมดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลวงพ่อมีสีหน้าแจ่มใสกว่าทุกวัน เดินออกกำลังกาย ภายในห้องเป็นเวลานานกว่า 15 นาที โดยสามารถทรงตัวได้อย่างมั่นคง และเดินอย่างคล่องแคล่ว เมื่อเวลา 08.30 น.หลวงพ่อคูณบอกกับลูกศิษย์ว่าอยากฉันภัตตาหารเอง ลูกศิษย์จึงนำมาถวาย เป็นข้าวต้ม และอาหารกลืนง่าย ซึ่งหลวงพ่อสามารถฉันเองได้ถึง 10 คำเป็นที่ยินดีของลูกศิษย์และแพทย์พยาบาลมาก ขณะที่แพทย์ยังคงให้อาหารทางสายยางต่อเนื่องเพื่อให้หลวงพ่อได้รับสารอาหารครบตามหลักโภชนาการ

นายแพทย์ พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจและหลอดเลือด รพ.มหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า จากการตรวจอาการครั้งล่าสุดพบว่าระบบการทำงานของร่างกาย ดีขึ้น ไม่มีไข้ ชีพจรเต้น 80 ครั้ง/นาที ความดัน 103/59 มิลลิเมตรปรอท ระดับน้ำตาลในเลือด 237 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ น้ำหนักตัวยังคงอยู่ที่ 37 กก. ในภาพรวมหลวงพ่อเริ่มมีอาการที่ดีขึ้น ใกล้เคียงกับภาวะปกติ สามารถรับอาหารเหลว และยาทางสายยางได้หมด ส่งผลให้น้ำหนักตัวมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก แพทย์ได้พิจารณาเพิ่มปริมาณอาหารเหลวให้หลวงพ่อเต็มพิกัดมาตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา ในวันนี้เริ่มมีสัญญาณที่ดีคือหลวงพ่อสามารถที่จะฉันท์ภัตตาหารทางปากได้จนเกือบอยู่ในภาวะปกติ

อย่างไรก็ตาม จากการติดตามภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงของยาจนถึงขณะนี้ยังไม่พบความผิดปกติเกิดขึ้นแต่อย่างใด และเพื่อเป็นการฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงรวมถึงเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศเพื่อไม่ให้คนไข้ไม่เบื่อ และเสริมสร้างภูมิต้านทาน ในทุกวันจันทร์,พุธ และวันศุกร์ เวลา 15.00 น.นักกายภาพบำบัดจะนำหลวงพ่อคูณลงไปทำกายภาพบำบัดที่ศูนย์กายภาพบริเวณชั้น 1 เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทาน และสุขภาพที่แข็งแรงตอบรับกับการรักษาโดยการให้ยา