“ปุระชัย” เจอแจกใบ “โหวตโน” ตอกหน้าที่โคราช - ฉุนจี้ กกต.ปลดป้าย “สารพัดสัตว์”

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “ปุระชัย” ช่วยลูกพรรคหาเสียงโคราช พร้อมไหว้ขอพร “ย่าโม” ให้คุ้มครองประเทศไทย อย่าแตกแยกและอยู่ภายใต้ธงไตรรงค์เดียวกัน ฟุ้งพร้อมเป็นนายกฯ ระบุ การตั้ง รบ.ต้องให้เกียรติพรรคเสียงข้างมาก พรรคเล็กไม่ควรจับมือตั้งไม่ใช่วิธีการของสุภาพบุรุษ เรียกร้อง กกต.ตรวจสอบกลุ่มรณรงค์ “VOTE NO” อ้างไม่มีสิทธิ์ ขอให้ปลดป้าย “สารพัดสัตว์” ลง ชี้ ร้อนท้องเสียดสีพรรคการเมืองและผู้สมัคร ส.ส.แฉเบื้องหลังฉุนถูกแจกใบปลิว “โหวตโน” ตอกหน้า

วันนี้ (1 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ศาลาพิธีลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (คุณย่าโม ) ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ประธานพรรครักษ์สันติ ได้นำสมาชิกพรรค และผู้สมัคร ส.ส.พรรครักษ์สันติ จ.นครราชสีมา ที่ส่งลงสมัครรับเลือกตั้งเพียง 2 เขต จาก 15 เขตเลือกตั้งคือ เขตเลือกตั้งที่ 1 และเขตเลือกตั้งที่ 7 ออกเดินรณรงค์หาเสียง พร้อมแจกแผ่นพับนโยบายของพรรครักษ์สันติให้กับพี่น้องประชาชนชาวโคราช ซึ่งหลายคนจำได้ว่าเป็นอดีตรัฐมนตรีมหาดไทย ฉายามือปราบสายเดี่ยว โดยใช้เวลาเดินพบปะประชาชนประมาณกว่า 30 นาที

โดยขณะเดินเข้าไปแจกแผ่นพับให้ประชาชนที่โรงแรมเมืองทอง ถ.ชุมพล หลังอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการติดป้ายรณรงค์โหวตโน (VOTE NO) ขนาดใหญ่จำนวนหลายป้าย นายสุพจน์ พิริยะเกียรติสกุล ประธานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.นครราชสีมาและเจ้าของร้านข้าวต้มนายตี๋ ตั้งอยู่ใต้โรงแรมเมืองทอง ได้นำแผ่นพับรณรงค์โหวตโนมาส่งมอบให้กับ ร.ต.อ.ปุระชัย เพื่อแลกเปลี่ยนกับแผ่นพับแนะนำตัวของพรรครักษ์สันติ ซึ่ง ร.ต.อ.ปุระชัย ได้พูดคุยกับ นายสุพจน์ พร้อมขอร้องไม่ให้โหวตโน อ้างว่า ไม่มีความหมาย บ้านเมืองต้องเดินหน้า แต่ นายสุพจน์ ตอบกลับว่า มีแต่นักการเมืองหน้าเก่าๆ เข้าไปโกงกินบ้านเมือง ไม่มีคนดีก็ต้องโหวตโน ก่อนที่ทั้ง 2 จะแยกย้ายกันไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่า หลังจากนั้น ร.ต.อ.ปุระชัย ได้สั่งให้ลูกน้องซึ่งเป็นทีมงานหาเสียงย้อนกลับมาขอจดชื่อ-นามสกุล ของ นายสุพจน์ พิริยะเกียรติสกุล ไป

จากนั้น ร.ต.อ.ปุระชัย ได้นำทีมงานพร้อมผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา พรรครักษ์สันติ เข้ากราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เพื่อความเป็นสิริมงคล และขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองโคราช

ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ประธานพรรครักษ์สันติ เปิดเผยว่า ทุกพื้นที่ที่พรรคส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้คาดหวังทุกเก้าอี้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเมตตาของประชาชนว่าจะให้โอกาสเราหรือไม่ และการจะชนะใจพี่น้องประชาชนนั้น ผู้สมัครต้องต่อสู้ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ สุภาพชน อย่าใช้วิชามาร อย่ากลั่นแกล้งคู่ต่อสู้ และพยายามสร้างสรรค์ การหาเสียงเป็นการแข่งขันโดยสันติวิธี แบบการแข่งกีฬา ไม่เป็นศัตรูกัน ไม่อาฆาตแค้นกัน ไม่ใส่ร้ายป้ายสีกัน ครั้งนี้ทำให้ดีที่สุด ถ้าเกิดชนะก็โชคดีได้เข้าไปในสภาฯ แต่ถ้าไม่ชนะอย่าเพิ่งถอดใจเพียงแค่การต่อสู้ครั้งแรกหรือการแข่งขันครั้งแรกแล้วไม่ประสบความสำเร็จ คนเรามีครั้งที่สองสามอีก

ต่อข้อถามที่ว่า คิดเห็นอย่างไรที่พรรคใหญ่สองพรรคปราศรัยโจมตีกันผ่านสื่อ ร.ต.อ.ปุระชัย ตอบว่า นั่นคือ สิ่งที่เราในฐานะน้องใหม่พยายามหลีกเลี่ยง เราทำการเมืองโดยการใช้ปิยะวาจาและพูดถึงเฉพาะในส่วนที่สร้างสรรค์ หลีกเลี่ยงการใส่ร้ายป้ายสี หลีกเลี่ยงการโจมตีกัน เวลาเจอผู้สมัครพรรคอื่นอันดับแรกคือเราทั้งสองฝ่ายต้องลดเสียง แทนที่จะเปิดเสียงให้ดังแข่งกัน บางทีถึงขนาดหยุดหาเสียงชั่วคราวแล้วเข้าไปทักทายจับมือกัน อวยชัยให้พรกัน เพราะเราคือผู้สมัครที่เป็นคนไทยทั้งคู่ ไม่ว่าใครแพ้ใครชนะเรายังต้องคบกันต่อไป สมมุติทั้งสองฝ่ายชนะได้เข้าสภา ทั้งคู่ก็จะต้องไปทำงานร่วมกันในสภาอีก ฉะนั้น ต้องนึกถึงวันข้างหน้า

จึงอยากบอกว่า อะไรก็ตามแต่ที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งให้พยายามลด ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องดีเบต เราเดินหาประชาชนเคาะประตูบ้าน แต่หากไปดีเบต หรืออภิปรายก็ให้เป็นไปในทางบวก สร้างสรรค์ อย่าไปโจมตีคนอื่น อย่าไปให้ร้ายคนอื่น นอกจากจะถูก กกต.จับฟาวล์แล้วยังทำให้มีศัตรูโดยไม่จำเป็นอีก

ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวถึงความพร้อมในการเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ศักยภาพส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน ขณะนี้ตนมั่นใจว่า ตนพร้อมที่จะเป็นผู้นำประเทศนี้ แต่โอกาสจะมีหรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง ถ้าโอกาสไม่มีคราวนี้คราวหน้าก็ยังสามารถที่จะมีโอกาสได้ ยิ่งนานวันโอกาสตนก็ยิ่งเพิ่ม เพราะถึงแม้อายุมากขึ้น ตนเป็นประเภทที่ต้องใช้คำว่า ลายคราม แต่คงไม่ใช่แก่กะโหลกกะลา

ต่อข้อถามถึงกรณีที่มีการพูดถึงกระแสพรรคเล็กและพรรคขนาดกลางจะรวมตัวกันจัดตั้งรัฐบาลมีความเป็นไปได้หรือไม่ ร.ต.อ.ประชัย ตอบว่า ในระบอบประชาธิปไตยวันนี้ เรื่องดังกล่าวไม่ควรทำ อันดับแรกเราต้องให้เกียรติพรรคที่มีเสียงข้างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีพรรคที่มีเสียงข้างมากเกิน 250 เสียง พรรคนั้นจะต้องเป็นพรรคแรกในการจัดตั้งรัฐบาล การที่พรรคที่ไม่ถึง 250 ถ้าเป็นเสียงข้างมากอันดับรองลงมา สมมติได้ 240 แต่ไม่มีใครเกิน 240 ก็ต้องให้พรรคนั้นดำเนินการก่อน แต่การที่พรรคเล็กพรรคน้อยจะมาจับไม้จับมือกันแล้วบอกว่าเรามีเสียงอันนี้ไม่ควรทำ ไม่ใช่วิธีการของสุภาพบุรุษ

นอกจากนี้ ร.ต.อ.ปุระชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่อดีตนักการเมืองบ้านเลขที่ 111 เข้ามายุ่งกับการเมืองโดยเฉพาะการจับขั้วพรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาลว่า ตรงนี้เป็นหน้าที่ กกต.ตนคงไม่มีอำนาจในการจะพูดอะไรมาก แต่คิด กกต.มีหน้าที่ในการกำกับดูแลบุคคลที่ถูกเว้นวรรคทางการเมืองว่า ท่านได้ทำในขอบเขตที่สมควรแค่ไหน

อีกเรื่องที่อยากฝาก กกต.คือ กลุ่มที่ไม่ได้จัดตั้งพรรคการเมือง และรณรงค์เรื่องโนโหวตแล้วติดคัตเอาท์ที่ไม่สมควรทั้งหลายเป็นรูปเสือสิงกระทิงแรดรวมทั้งตะกวดนั้น ตนถือเป็นการส่อเสียดพรรคการเมืองที่ลงสมัคร และท่านไม่มีสิทธิ์ ฉะนั้น ตรงนี้ต้องขอให้ กกต.ช่วยดูด้วย ท่านจะรณรงค์ไม่ว่า แต่ท่านไม่มีสิทธิ์ในการติดคัตเอาต์ ขณะนี้ทั่วกรุงเทพฯ และ จ.นครราชสีมา มีการติดคัตเอาต์เหล่านี้ไปทั่ว กกต.ต้องดู และ กทม.รวมทั้งเทศบาลต้องดูแล

“ผมอยากถามว่า คนเหล่านี้มีสิทธิ์หรือไม่ ในเมื่อเราเป็นพรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเชื่อว่าผู้สมัครทั้งหมดของเราขณะนี้ 40 พรรค ไม่ได้แย่ไปหมด ผมยืนยันพี่น้องประชาชน และบ่อยครั้งคนของเราดีกว่ากลุ่มที่รณรงค์โนโหวตด้วยซ้ำไป ฉะนั้นควรปลดป้ายลง เพราะคนเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะติดป้าย เพราะเขาไม่ใช่พรรคการเมือง” ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าว

ต่อข้อถามที่ว่าหากพรรคใหญ่สองพรรคทาบทามให้เข้าร่วมทำงานทางพรรครักษ์สันติจะร่วมกับพรรคใด ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า คิดว่าคำว่าทำงานในสภาฯ เราพร้อมแน่ ถ้าเราไม่พร้อมก็คงไม่มาลงสมัคร แต่ในสภาฯ มีหน้าที่หลักสองประการคือ 1.เป็นฝ่ายค้าน ไม่ต้องขอใครเลย ได้เป็นแน่ 2.เป็นฝ่ายรัฐบาล มันยังไม่แน่ เพราะขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายที่มีเสียงข้างมากจะเชิญหรือไม่ ตนคิดว่าหากเป็นพรรคที่อุดมการณ์ไม่ตรงกัน มีปัญหาเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน มีผลงานที่ไม่ดีมาตลอดเป็นฝ่ายค้านดีกว่า

ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พยายามให้สัมภาษณ์สื่อทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวกับปัญหาทางการเมืองของไทยมองเรื่องนี้อย่างไร ร.ต.อ.ปุระชัย ตอบว่า อย่าไปพูดถึงท่านเลย เพราะท่านอยู่นอกประเทศ และท่านก็เป็นคนที่ไม่มีสิทธิในการเลือกตั้งครั้งนี้ และไม่ได้ลงสมัครด้วย สิ่งสำคัญคือสื่อมวลชนต้องทราบว่า เรากำลังพูดถึงอนาคตของประเทศ ไม่ใช่อดีต ตนกำลังพูดถึงการเลือกตั้งที่จะทำให้ประเทศไทย 4 ปีข้างหน้าก้าวไปบนเวทีโลกที่สง่างาม ไม่ต้องพูดถึงอดีต และกรณีของอดีตนายกฯ ทักษิณ เป็นเรื่องในอดีตไป เป็นเรื่องของท่าน และการที่ท่านติดต่อประเทศไทยถือเป็นเรื่องส่วนตัว ที่จริงแล้วสื่ออย่าให้ความสำคัญกับท่านมันก็จบ ถ้าให้ความสำคัญออกสื่อเรื่อยๆ ก็เข้าทางฝ่ายโน้น ออกข่าวพรรครักษ์สินติจะดีกว่า

“การเดินทางมาโคราชวันนี้ได้ขอพรคุณย่าโมเช่นเดียวกับที่ขอพรจากพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งไม่เคยขอให้กับตัวเอง หรือพรรคการเมืองเลย โดยผมขอให้ย่าโมคุ้มครองประเทศไทย อย่าให้ประเทศไทยแตกแยกแบ่งสีแบ่งเหล่า เราควรจะอยู่ภายใต้ธงชาติเดียวกันคือ ธงไตรรงค์ ประกอบด้วย สีแดง ขาว น้ำเงิน ผมขอแค่นั้น และขอให้ผมจากประเทศนี้ไปหรือตายจากประเทศนี้ไปด้วยการนอนตายตาหลับที่ประเทศกำลังรุ่งเรืองขึ้น ไม่ใช่ตกต่ำลง สิ่งนั้นที่ผมต้องการ” ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าว