ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- แพทย์ระบุ “หลวงพ่อคูณ” น้ำตาลลดฮวบเหลือ 40 มล.เปอร์เซ็นต์ อยู่ในเกณฑ์อันตราย เหตุร่างกายมีกำลังสำรองน้อย และมีความผิดปกติของฮอร์โมน ทีมรักษาได้เพิ่มน้ำตาลเข้าไปทั้งทางสายยาง และเส้นเลือด ทำให้ร่างกายกลับคืนสู้ภาวะปกติแล้ว สั่งพยาบาลติดตามอาการใกล้ชิด เผยพ่อคูณอิดโรย อ่อนเพลียเล็กน้อย ไม่ไปเดินออกกำลังกายหน้าห้องพักเช่นทุกวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาวัณโรคปอดอยู่ที่หอผู้ป่วยพิเศษ 9821ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.54 ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ (31 พ.ค.) อาการโดยรวมในวันนี้หลวงพ่อคูณมีอาการอิดโรย อ่อนเพลียเล็กน้อย และไม่ได้ไปเดินออกกำลังกายหน้าห้องพักเหมือนเช่นทุกวัน ไม่ฉันภัตตาหารเช้า ยังคงนอนจำวัดอยู่ในห้องพักตลอด ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น.นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจและหลอดเลือด รพ.มหาราช นครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ พร้อมทีมแพทย์ได้เข้าตรวจอาการหลวงพ่อคูณประจำวัน พร้อมสั่งพยาบาลให้น้ำเกลือ ,ยาพ่นขยายหลอดลม, ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อ และ กลูโคส พร้อมเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
นพ.พินิศจัย เปิดเผยว่า อาการล่าสุดในภาพรวมถือว่าดีขึ้น เรื่องวัณโรคปอดเมื่อวานได้เอกซเรย์และเจาะเลือดตรวจดูก็พบว่าดี แต่มีปัญหาเมื่อวานนี้ (30 พ.ค.) ในช่วง 15.00 น.มีภาวะน้ำตาลต่ำ 40 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
สาเหตุของน้ำตาลต่ำ เราคิดว่าอาจจะเกิดจากการที่ 1.หลวงพ่อยังมีรีเซิร์ฟน้อย ก็คือ กำลังสำรองน้อย เพราะเพิ่งรับอาหารทางสายยางได้สัปดาห์กว่าเอง ซึ่งท่านยังต้องใช้การฟื้นฟูอีกนาน 2.อาจจะเกี่ยวกับฮอร์โมนบางอย่างที่ทำให้ระดับน้ำตาลของหลวงพ่อคูณช่วงนี้ยังมีการแกว่งอยู่
ประกอบกับหลวงพ่อเองระดับน้ำตาลในเลือดจะแกว่งโดยธรรมชาติอยู่แล้ว อย่างสมัยท่านผ่าตัดบายพาสหัวใจใหม่ๆ เมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ก่อนจะกลับจากโรงพยาบาลศิริราชระดับน้ำตาลอยู่ที่ 300-400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ต้องฉันยาเบาหวานวันละ 6 เม็ด พอกลับวัดบ้านไร่สัปดาห์เดียวน้ำตาลลงมาปกติต้องหยุดฉันยาหมดเลย ฉะนั้น น้ำตาลหลวงพ่อจะสวิงค่อนข้างมาก แต่ตอนนี้ระดับน้ำตาลในเลือดหลวงพ่อกลับมาดีแล้วที่ 116 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ อาการก็ดีถือว่าปกติแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่น้ำตาลลดลงมากมีผลอะไรต่อสุขภาพหลวงพ่อคูณ หรือไม่ นพ.พินิศจัย ตอบว่า เมื่อน้ำตาลต่ำก็เป็นอันตรายมาก เพราะทำให้หลวงพ่อเกิดไม่รู้ตัว โคม่าได้ ฉะนั้นสำหรับหลวงพ่อทางคณะแพทย์เราระวังมากๆ อยู่แล้วในเรื่องน้ำตาลต่ำ จนกระทั่งอยู่ในใจพวกเราคณะแพทย์ทุกคน ว่า สูงดีกว่าต่ำ เพราะสูงยังมีโอกาสมากกว่า แต่สูงมากก็อันตรายเหมือนกัน แต่โดยหลักการ ก็คือ ในคนไข้อายุ 88 ปีขนาดนี้ และยังถึงกับรับอาหารทางสายยางก็ยังถือว่า ภาวะกำลังสำรองน้อยยังไม่ค่อยดีซึ่งเราก็ระวังกันอยู่แล้ว
การแก้ไขภาวะดังกล่าวแพทย์ได้ให้น้ำตาลเพิ่มเติม เข้าไปทั้งทางสายยางและฉีดเข้าทางเส้นเลือดจึง ทำให้ระดับน้ำตาลกลับคืนมาปกติแล้ว รวมทั้งได้ปรับเพิ่มยาบางตัวด้วย เพื่อเป็นการพยุงอาการไม่ให้ทรุดลง
“ยืนยันว่า ระดับน้ำตาลลด 40 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ก็ไม่ถึงกับช็อกไปเลย แต่อาการหลวงพ่อก็แค่เหงื่อแตก ตัวเย็น แต่ยังรู้ตัว ซึมลงเล็กน้อย พอดีพยาบาลที่ดูแลรู้ก่อนว่าอาการนี้น่าจะเป็นอาการน้ำตาลต่ำก็ได้เจาะเลือดดู อย่างไรก็ตามอาการวันนี้ถ้าเทียบกับเมื่อวานนี้คณะแพทย์ใจชื้นขึ้นแล้วการรักษาจึงเดินหน้าต่อไป” นพ.พินิศจัย กล่าว
นพ.พินิศจัย กล่าวว่า การทำกายภาพบำบัดนั้น ยังคงต้องทำทุกวันอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้ยังไม่ให้ลงไปข้างล่าง ซึ่งจะพิจารณาดูอีกทีว่าจะให้ทำบนห้องพักท่าน หรือที่ห้องกายภาพชั้น 1 ทั้งนี้แล้วแต่สภาพหลวงพ่อ และภูมิอากาศด้วย
สำหรับการให้อาหารทางสายยาง ก็ยังให้ต่อเนื่อง เพราะน้ำหนักยังไม่ได้ตามที่เราต้องการ ตอนนี้หลวงพ่อมีน้ำหนักตัว 37.5 กก.การรักษาภาวะวัณโรคปอดตอนนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แพทย์ยังคงให้ยาตัวเดิมต่อไปจนครบ และควบคุมภาวะน้ำตาลซึ่งหลวงพ่อนอนโรงพยาบาลคราวนี้น้ำตาลลดต่ำขนาดนี้ถือว่าน้ำตาลในเลือดต่ำที่สุดเท่าที่ท่านเคยเป็น