ศูนย์ข่าวศรีราชา - พ่อแม่แทบใจสลายหลังลูกหายนาน 4 วัน วอนนายอำเภอสัตหีบ ส่งเจ้าหน้าที่ ศตส.สัตหีบ พร้อมชาวบ้านนับ 100 คน เดินลุยป่าตามหาลูก พบเป็นศพขึ้นอืดนอนเปลือยกายอยู่ในคูน้ำ เผย โจ๋อายุ 13 ปี ลวงมาข่มขืนก่อนฆ่าปิดปากกลัวความผิด
วันนี้ (25 พ.ค.) พ.ต.ท.ฒศพล สมนึก ร้อยเวรสอบสวนประจำวัน สภ.พลูตาหลวง ได้รับแจ้งจาก นายสุรเชษฐ์ แก้วคำ ปลัดอำเภอสัตหีบ ว่า ได้พบศพเด็กหญิงถูกฆาตกรรมอยู่ภายในป่าละเมาะใกล้กับโครงการหมู่บ้านเอื้ออาทรสัตหีบ ม.1 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยได้ควบคุมผู้ต้องหาไว้ในที่เกิดเหตุแล้วขอให้มาตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบประชาชนจำนวนมากกำลังยืนมุงดูเหตุการณ์ด้วยความตกใจ และกำลังรอรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหาอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ไว้ ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบร่างของเด็กหญิงจันทร์ (นามสมมติ) อายุ 9 ขวบ นอนเสียชีวิตในสภาพคว่ำหน้าอยู่ในคูน้ำ ไม่สวมเสื้อผ้า ห่างไป 2 เมตร พบกางเกงในถูกถอดทิ้งไว้ 1 ตัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และในที่เกิดเหตุยังได้ควบคุมตัวเด็กชายเอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี ผู้ก่อเหตุไว้ดำเนินคดีก่อนจะให้แพทย์หญิง เบญจวรรณ ธรรมปัญญวัฒน์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษแพทย์เวรประจำวัน รพ.สัตหีบ-กม.10 เข้าตรวจชันสูตรสภาพศพไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนแม่ของผู้ตาย ได้ให้การว่า เช้าวันนี้ได้เข้าร้องเรียน นายชายชาญ เอี่ยมเจริญ นายอำเภอสัตหีบ ว่า เด็กหญิงจันทร์ อายุ 9 ขวบ บุตรสาวได้หายออกไปจากบ้าน ตั้งแต่เย็นวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยได้ข้อมูลจากชาวบ้านว่าลูกสาวได้หายไปกับเด็กชายเอ เป็นคนสุดท้าย และได้ตามตัวผู้ต้องหามาได้แล้ว แต่เด็กชายเอ ได้บอกว่า ลูกสาวถูกคนงานก่อสร้างใช้มีดฉุดเข้าป่าไป ซึ่งตัวเองกลัวว่าลูกจะเกิดอันตรายจึงอยากขอกำลังเข้าไปช่วยกันค้นหา
นายสุรเชษฐ์ แก้วคำ ปลัดอำเภอสัตหีบ เผยว่า หลังรับมอบหมาย ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ ศตส.อำเภอสัตหีบ และชาวบ้านกว่า 100 คน เข้าป่า เพื่อทำการค้นหาแต่ระหว่างทำการค้นหาอยู่นั้นเด็กชายเอ ผู้ต้องหา เกิดกลัวความผิดจึงยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ลวงผู้ตายมาข่มขืนในป่า และพาไปชี้ดูจุดที่ก่อเหตุ จึงทำให้พบร่างของเด็กหญิงจันทร์ ที่เสียชีวิตดังกล่าว จึงได้ทำการประสานไปยัง พ.ต.อ.เชาวร์ศิริ บุญศิริโยธิน ผกก.สภ.พลูตาหลวง ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบและควบคุมผู้ต้องหาไปทำการสอบสวน
จากการสอบสวน เด็กชายเอ ได้ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยได้ลวงผู้ตายมาจากบ่อน้ำที่ตนไปเล่นน้ำ โดยหลอกว่า จะพาไปดูรถแข่งที่สนามแข่งรถวิบาก ซึ่งห่างจากบ้านผู้ตายเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น โดยพาเดินมาตามป่าละเมาะ จนมาถึงที่เกิดเหตุตนจึงได้ก่อเหตุข่มขืนจนสำเร็จไป 1 ครั้ง และขอให้ผู้ตายอย่าได้ไปเล่าเรื่องนี้กับใคร แต่ระหว่างจะกลับผู้ตายได้ขู่ว่าจะไปแจ้งความ จึงเกิดกลัวในความผิด เลยได้จับศีรษะของผู้ตายกดลงกับน้ำจนเสียชีวิต และหลบหนีไปดังกล่าว
ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหากลับไปสอบสวนหาขอเท็จจริง ก่อนจะดำเนินคดีตามกฎหมายสืบต่อไป
