ศูนย์ข่าวศรีราชา - ทัพเรือไทย เยี่ยมคารวะแม่ทัพภาคทหารบกที่ 3 เพื่อแสวงหาความร่วมมือ รวมพลังสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวในอาเซียน
วันนี้ (24 พ.ค.) พลเรือตรี ประดิษฐ์ ศิริคุปต์ ผู้บังคับหน่วยเรือเดินทางไปเยี่ยมเมืองท่านครไฮฟอง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมี นาวาเอก เกรียงไกร อนันตศานต์ ผู้ช่วยทูตทหารเรือไทยประจำกรุงฮานอย นาวาเอก ชาลี มนต์ไตรเวศย์ นาวาเอก เดชดล ภู่สาระ รองผู้บังคับหน่วยเรือ นาวาเอก วราห์ แทนขำ เสนาธิการ นาวาเอก ธวัชชัย ม่วงคำ รองเสนาธิการหน่วยเรือ นาวาโท นิวัฒน์ จิตพูลผล ผู้บังคับการเรือหลวงนราธิวาส พร้อมคณะผู้แทนจาก 4 จังหวัดภาคตะวันออก เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะ พล.ต.จิ่ง ซี้ หวุ่น รองผู้บัญชาการ ภาคทหารบกที่ 3 นครไฮฟอง
พล.ต.จิ่ง ซี้ หวุ่น กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างคนไทย กับเวียดนาม มีมานานแล้ว โดยเริ่มมาจากกรณีที่ ลุงโฮ หรือ โฮจิมินห์ ได้เคยพักพิง อาศัยแผ่นดินไทย จนสามารถปฏิบัติภารกิจสำคัญให้กับประเทศเวียดนามประสบความสำเร็จ ประชาชนชาวเวียดนามทุกคนต้องขอขอบคุณประเทศไทย คนไทยทุกคน ที่ให้ความช่วยเหลือโฮจิมินห์ จึงนับได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทย กับเวียดนาม นั้น มีความแน่นแฟ้นดุจพี่น้องมาโดยตลอด จนมาถึงยุคปัจจุบันก็เช่นกัน
รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ และหลังจากที่เวียดนามได้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการประจำอาเซียน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2543-2545 ทำให้เวียดนามสามารถปฏิบัติตามพันธะเงื่อนไขที่อาเซียนตกลงกันไว้ โดยเฉพาะในกรอบการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน ความร่วมมือในอนุภูมิภาค รวมทั้งการให้ความสำคัญกับความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในอนุภูมิภาคในทุกรอบ เช่น ทำให้เวียดนามสามารถปฏิบัติตามพันธะเงื่อนไขที่อาเซียนตกลงกันไว้ โดยเฉพาะในกรอบการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน ความร่วมมือในอนุภูมิภาค
รวมทั้งการให้ความสำคัญกับความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในอนุภูมิภาคในทุกรอบ เช่น อนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง โครงการส่งเสริมมหัศจรรย์แห่งสุวรรณภูมิ หรือความร่วมมือลำน้ำโขง-คงคา อีกทั้งในการสร้างเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงระหว่างกัน เพื่อการพัฒนา และช่วยเหลือต่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของเวียดนามอีกด้วย ส่งผลกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN)เป็นหนึ่งเดียวกัน
ด้าน พลเรือตรี ประดิษฐ์ ศิริคุปต์ กล่าวว่า ภาคทหารบกที่ 3 เป็นหน่วยงานทหารที่มีความรับผิดชอบสูง คุมกำลังทหาร และกองทัพประชาชน อีกทั้งต้องพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม การที่ได้มีโอกาสเข้ามาเยี่ยมคารวะ และมีการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันซึ่งกันและกัน เปิดใจคุยกัน ส่งผลให้เกิดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ทางด้านการทหารให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู่ความร่วมมืออีกหลายด้าน โดยเฉพาะการต่อต้านการก่อการร้าย การปราบปรามโจรสลัด การรักษากฎหมายในบริเวณทะเลเขตติดต่อกันระหว่าง 2 ประเทศ การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล อีกทั้งการร่วมกันลาดตระเวน การฝึกเพื่อให้ระดับผู้ปฎิบัติงานเกิดความเข้าใจ สื่อสารกันได้อย่างถูกต้องอีกด้วย