xs
xsm
sm
md
lg

สุดทนแห่ร้องผู้ว่าฯนครพนมสอบนายกอบต.คำเตยบริหารงานทุจริต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 แกนนำชาวบ้าน จากพื้นที่ ต.คำเตย อ.เมือง จ.นครพนม    มี นายศักดิ์เวียงชัย  เคนจันทร์  อายุ 55  ปี  ร่วมกับ  นายอุดม  สุริย์พุธ  อายุ 51  ปี  แกนนนำชาวบ้านในพื้นที่ ต.คำเตย อ.เมือง จ.นครพนม  พร้อมด้วย  ส.ต.ท.สมศักดิ์  เลิศสงคราม  ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลคำเตย  และเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าส่วนต่างๆ ของ อบต.คำเตย หอบเอกสารหลักฐานสำคัญ  เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ นายเริงศักดิ์  มหาวินิจฉัยมนตรี  ผวจ.นครพนม  นายประทีป  จุลวัฒฑะกะ  ท้องถิ่นจังหวัดนครพนม  และสื่อมวลชน  เกี่ยวกับเรื่องการบริหารงานของ นายจันทจร  มองบุญ  นายก อบต.คำเตย พร้อมคณะผู้บริหาร  ที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาท้องถิ่น หลังจากมีการจัดงบจ่ายขาดเงินสะสมสร้างถนนลูกรังกว่า 3.5 ล้านบาท  แต่มีการเลี่ยงสอบราคา  พร้อมข่มขู่ให้ข้าราชการทำผิดระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง
นครพนม-จนท.สุดทนหอบหลักฐานเข้าร้องผู้ว่าฯ แฉนายกอบต.คำเตยข่มขู่บังคับทุจริตทำโครงการหวังเปอร์เซ็นต์ เผยโครงการสร้างถนนลูกรัง งบจ่ายขาดเงินสะสมเกือบ 4 ล้าน ส่อทุจริต ยังไม่ผ่านขั้นตอนประมูล แต่สั่งผู้รับเหมาทำงานล่วงหน้า วอนลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมขอย้ายตัวเองเหตุสุดทนพฤติกรรมนายก ขณะพ่อเมืองสั่งสอบด่วน

วันนี้( 10 พ.ค.) ที่สำนักงานผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้มีกลุ่มแกนนำชาวบ้าน จากพื้นที่ ต.คำเตย อ.เมือง จ.นครพนม มี นายศักดิ์เวียงชัย เคนจันทร์ อายุ 55 ปี ร่วมกับ นายอุดม สุริย์พุธ อายุ 51 ปี แกนนนำชาวบ้านในพื้นที่ ต.คำเตย อ.เมือง จ.นครพนม พร้อมด้วย ส.ต.ท.สมศักดิ์ เลิศสงคราม ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลคำเตย และเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าส่วนต่างๆ ของ อบต.คำเตย หอบเอกสารหลักฐานสำคัญ เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายประทีป จุลวัฒฑะกะ ท้องถิ่นจังหวัดนครพนม และสื่อมวลชน เกี่ยวกับปัญหาเรื่องการบริหารงานของ นายจันทจร มองบุญ นายก อบต.คำเตย พร้อมคณะผู้บริหาร ที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาท้องถิ่น เป็นปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นตามมา

เนื่องจากตลอดระยะเวลาประมาณ 2 ปี ที่ผ่านมา ในการบริหารงาน ได้สร้างความแตกแยกให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจาก นายจันทจร มองบุญ นายก อบต.คำเตย พร้อมคณะผู้บริหาร ได้พยายามใช้อำนาจบังคับข่มขู่ ให้ข้าราชการประจำปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆ ที่ส่อไปในทางทุจริตคอรับชั่น

พร้อมมีการข่มขู่หากไม่ดำเนินการจะพิจารณาเสนอโยกย้าย อ้างว่าเป็นคนของนักการเมืองใหญ่ที่มีอำนาจ ทำให้ข้าราชการในองค์กรเกิดความหวาดกลัวมาตลอด

โดยในครั้งนี้ได้มีการนำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างของ อบต.คำเตย มายืนยันกับ นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าฯนครพนม และสื่อมวลชน ประกอบด้วย การจัดซื้อจัดจ้างผ้าห่มกันหนาวแจกจ่ายให้ประชาชน ในช่วงเดือนมกราคม 2554 ที่ผ่านมา โดยทางผู้บริหารได้ไปติดต่อจัดหาผ้าห่มกันหนาวมา จำนวน 800 ผืน เพื่อดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบ แต่ทางเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้เพียง 400 ผืน

ส่วนที่เหลืออีก 400 ผืน ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากผ้าห่มกันหนาวดังกล่าว มีคุณสมบัติไม่ตรงตามระเบียบของกระทรวงการคลัง จึงต้องทำหนังสือเพื่อส่งคืน สร้างความไม่พอใจให้กับผู้บริหารตามมา ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการส่งคืน ทำให้ผ้าห่มอีกจำนวน 400 ผืนยังต้องปล่อยทิ้งไว้ในห้องเก็บของ อบต.

เรื่องต่อมาคือการจัดซื้ออุปกรณ์กรกีฬาเพื่อแจกจ่ายให้กับเยาวชนตามงบประมาณในข้อบัญญัติปี 2554 ในราคาหมู่บ้านละ 5,000 บาท จำนวน 18 หมู่บ้าน โดยได้มีการนำอุปกรณ์กีฬาจำนวนหลายรายการมาจากร้านค้า โดยไม่ผ่านกระบวนการระเบียบพัสดุแต่อย่างใด ซึ่งทำให้อุปกรณ์กีฬาดังกล่าวยังตกค้างอยู่ที่ อบต. เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่กล้าที่จะดำเนินการ

อีกเรื่องคือ โครงการศึกษาดูงานต่างท้องที่ เมื่อเดือน มีนาคม 2554 งบประมาณกว่า 1 แสนบาท ที่มีการเบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงต่างๆ ไม่เป็นไปตามความจริง โดยบางรายไม่ได้มีการเดินทางไปจริง แต่มีการเบิกค่าใช้จ่าย

ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 2554 นายจันทจร มองบุญ นายก อบต.คำเตย พร้อมคณะผู้บริหาร ได้มีการร่างการจ่ายขาดเงินสะสม ปี 2554 ที่เจ้าหน้าที่งบประมาณได้จัดทำเสนอตามระเบียบ จากนั้นได้มีการแก้ไขร่างโครงการใหม่ ที่ไม่มีในแผนพัฒนาตำบล และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการ และส่อไปในทางทุจริต เนื่องจากมีการจัดสรรงบประมาณจากจำนวนทั้งสิ้น จำนวน 3,510,000 บาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างถนนลูกรัง ตามหมู่บ้านต่างๆ จำนวน 18 หมู่บ้าน

ซึ่งมีการจัดสรรงบประมาณโครงการละ 90,000 บาท เพื่อเลี่ยงการสอบราคาให้เป็นงานตกลงราคา จำนวนทั้งสิ้น 39 โครงการ ซึ่งในการดำเนินงานนั้นจะพบว่าระยะทางในการสร้างถนนลูกรังมีความยาวแตกต่างกัน แต่ราคางานงบประมาณก่อสร้างเท่ากัน โดยเฉพาะหมู่บ้านที่เป็นพื้นที่ของตัวเอง ที่สำคัญขณะที่การจัดทำข้อบัญญัติจ่ายขาดเงินสะสม ปี 2554 ยังไม่เป็นไปตามระเบียบขั้นตอน กับมีการสั่งการให้ผู้รับจ้างลงพื้นที่ดำเนินงานก่อนล่วงหน้า

จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้แกนนำชาวบ้าน และข้าราชการ เกิดความลำบากใจ และเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาท้องถิ่น และสร้างความเสียหายให้กับภาครัฐ จึงต้องนำเอกสารหลักฐาน เข้าร้องต่อ นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผวจ.นครพนม เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน

และในโอกาสนี้ ส.ต.ท.สมศักดิ์ เลิศสงคราม ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลคำเตย และเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าส่วนต่างๆ ของ อบต.คำเตย ได้มีการร่วมทำหนังสือขอความเป็นธรรม ขอย้ายตัวเอง เข้ามาช่วยงานที่จังหวัด เพราะมีความลำบากใจในการทำงาน และอาจส่งผลต่อความผิดทางวินัย ที่มาจากการทำงาน ตามอำนาจนายก และวิงวอนให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับสื่อมวลชน

เบื้องต้นทางผู้สื่อข่าวได้มีการติดต่อสอบถามไปยัง นายจันทจร มองบุญ นายก อบต.คำเตย พร้อมคณะผู้บริหาร เพื่อขอสอบถามข้อเท็จจริง แต่ไม่มีใครออกมาเปิดเผย

ส.ต.ท.สมศักดิ์ เลิศสงคราม ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลคำเตย เปิดเผยว่า ในประสบการทำงานของตนรับราชการมานานกว่า 14 ปี ยอมรับว่าลำบากใจมากเมื่อเจอปัญหาแบบนี้ จึงต้องทำหนังสือร่วมกับเจ้าหน้าที่ เพื่อขอย้ายตัวเองมาช่วยงานที่จังหวัด เพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหาต่ออนาคตหน้าที่การงาน ที่สำคัญตนมีความคิดว่าปัญหาการบริหารงานของ อบต.คำเตย จะต้องได้รับการแก้ไข

เพราะหากปล่อยไว้จะทำให้ประชาชนในพื้นที่เสียประโยชน์ ที่สำคัญขณะนี้ยังเกิดความแตกแยกในองค์กรด้วย ซึ่งตนขอยืนยันว่าปัญหาดังเป็นข้อเท็จจริง ไม่เคยมีความคิดว่าจะกลั่นแกล้งใคร หรือเอาเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง

นายศักดิ์เวียงชัย เคนจันทร์ อายุ 55 ปี ชาวบ้าน ต.คำเตย กล่าวว่า ตนในฐานะตัวแทนชาวบ้าน ได้ทำหนังสือขอเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เป็นปัญหากับทางนายก แต่กับไม่ยอมให้ ซึ่งถือว่ามีเจตนาไม่สุจริต โดยเฉพาะโครงการสร้างถนนลูกรัง ขณะนี้หลายหมู่บ้าน ตนได้ลงตรวจสอบพร้อมกับเจ้าหน้าที่ พบว่ามีการดำเนินการถมลูกรังแล้ว จำนวนหลายสาย

แต่พอสอบทางทาง อบต.กับทราบว่ายังไม่มีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบขั้นตอนเลย ทำให้ต้องนำเรื่องนี้ไปร้องเรียนยังผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานเกี่ยวข้องมาดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้มีการทุจริต

ทางด้าน นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผวจ.นครพนม กล่าวว่า หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว พร้อมเอกสารหลักฐาน จะได้เร่งดำเนินการตามขั้นตอน โดยสั่งการให้นายอำเมืองนครพนม ที่มีหน้าที่รับผิดชอบตั้งกรรมการลงไปสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมรายงานมายังจังหวัด หากพบมีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องจะได้ดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนทุกอย่าง

เบื้องต้นจากการดูเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับโครงการสร้างถนน พบว่าเป็นการเจตนาเลี่ยงการสอบราคา เนื่องจากมีการตัดงบประมาณเท่ากันหมดทั้ง 39 โครงการ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จะต้องมีการสอบสวนอย่างละเอียด

ส่วนเรื่องข้าราชการขอมาช่วยราชการนั้นจะได้มีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการบริหารงานของท้องถิ่น และขอยืนยันว่าจะมีการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง และเป็นธรรมอย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น