xs
xsm
sm
md
lg

ทึ่ง! 2 หนุ่มเมืองน้ำดำยากจน แต่ใฝ่ดีหาเงินเลี้ยงครอบครัว-ส่งตัวเองเรียนหนังสือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายณัฐพล  ภูใบบัง  อายุ  15  ปี  นายชัยวัฒน์  สุวรรณดี  อายุ  22  ปี  2 เด็กหนุ่มแกะสลักกระจกเงาหารายได้เลี้ยงครอบครัว  อยู่กับนางคำปอย ภูโปร่ง อายุ 64 ปี  ผู้เป็นยาย ที่บ้านเลขที่  36  หมู่ที่  7  บ้านโคกก่อง  ต.บัวบาน  อ.ยางตลาด  จ.กาฬสินธุ์  ต้องการแบ่งเบาภาระครอบครัวหาอาชีพเสริมเพื่อหาเงินเล่าเรียนหนังสือ  และต้องการหาเงินรักษาพ่อแม่ที่เจ็บป่วย วอนสังคมเมตตาหาเงินทุนช่วยส่งเสริมอาชีพ
กาฬสินธุ์ - พบชีวิตของ 2 เด็กหนุ่มแกะสลักกระจกเงาหารายได้เลี้ยงครอบครัว อยู่กับยายแต่ต้องการแบ่งเบาภาระครอบครัวหาอาชีพเสริมเพื่อหาเงินเล่าเรียนหนังสือ ขณะที่หนุ่มคู่หูต่างวัยต้องการหาเงินรักษาพ่อแม่ที่เจ็บป่วย วอนสังคมเมตตาหาเงินทุนช่วยส่งเสริมอาชีพ

วันนี้ (9 พ.ค.) ที่บ้านเลขที่ 36 หมู่ที่ 7 บ้านโคกก่อง ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบ้านของนางคำปอย ภูโปร่ง ซึ่งเป็นสถานที่ของเด็กหนุ่ม 2 คน เพื่อนต่างวัยใช้เป็นสถานที่ผลิตงานฝีมือการแกะสลักกระจกเงาที่สวยงามเตรียมออกจำหน่าย เพื่อหาเงินหารายได้มาช่วยเหลือครอบครัวที่ยากจน

ซึ่งเด็กหนุ่มทั้ง 2 คน มีศักดิ์เป็นหลานเป็นญาติห่างๆ ในหมู่บ้านคนแรกคือนายณัฐพล ภูใบบัง อายุ 15 ปี ที่ขณะนี้กำลังเรียนหนังสืออยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ส่วนอีกคนคือนายชัยวัฒน์ สุวรรณดี อายุ 22 ปี ที่จบการศึกษาเพียงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แต่ด้วยฐานะยากจนจึงไม่มีเงินศึกษาเล่าเรียนต่อ และปัจจุบันยังต้องหาเงินมารักษาพ่อและแม่ที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง

โดยทั้งสองได้ชักชวนกันมาทำอาชีพเสริมเพื่อหาเงินหารายได้เป็นค่าใช้จ่าย โดยเงินทุนทั้งหมดมีทั้งจากน้ำพักน้ำแรงและผู้ปกครองที่หยิบยื่นให้ตามมีตามเกิด

นางคำปอย ภูโปร่ง อายุ 64 ปี ผู้เป็นยาย กล่าวว่า เริ่มแรกเดิมทีได้เห็นความตั้งใจของหลานชายทั้ง 2 คน จึงได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะทั้งสองคนจะแตกต่างเด็กวัยรุ่นในหมู่บ้านทั่วไปนิสัยดี ไม่หนีเที่ยว รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ทำงานช่วยเหลือครอบครัวตลอด ยิ่งตอนนี้คนหนึ่งอยากมีรายได้เป็นเงินค่ารักษาพ่อที่เจ็บป่วย

ขณะที่อีกคนอยากได้เงินเป็นทุนการศึกษาเล่าเรียน ตนจึงให้กำลังใจ ซึ่งไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหน เนื่องจากตอนนี้ไม่มีเงินทุนเลย อย่างไรก็ตามเชื่อว่าถ้าจะมีใครให้การสนับสนุนด้านเงินทุน วัสดุ และการตลาด เชื่อว่า จะเป็นกำลังใจให้ทั้ง 2 คนมีความมุ่งมั่น และเป็นต้นแบบที่ดีของเยาวชน ที่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ และต้องการแบ่งเบาภาระด้วยการหาค่าเล่าเรียนด้วยตนเอง

ขณะที่ นายชัยวัฒน์ สุวรรณดี ได้เปิดเผยเรื่องราวชีวิตสุรันทดว่า ตนมีความรู้เพียงแค่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจน ไม่ได้เรียนต่อต้องออกมาดูแลพ่อ คือนายสมพงษ์ สุวรรณดี อายุ 46 ปี มีอาการเจ็บป่วยด้วยโรคประจำตัวเรื้อรังมาหลายปี คือปวดหัวและบริเวณต้นคอ ต้องตระเวนไปรักษาและบำบัดอาการกับแพทย์แผนปัจจุบันและแผนไทยเดือนละหลายครั้ง

แต่ก็ไม่หาย เสียค่าใช้จ่ายมาก ได้รับความเจ็บปวดทรมาน ไม่สามารถทำงานได้ ในขณะที่ผู้เป็นแม่คือนางสมพิศ สุวรรณดี อายุ 45 ปีร่างกายอ่อนแอ เป็นโรคคอพอก และโรคเก้าท์ เจ็บปวดตามข้อมือข้อเท้า ทำงานหนักไม่ได้ ตอนนี้ตนออกมาทำนาและรับจ้างทั่วไป มีรายได้เดือนละ 1 พันกว่าบาท ซึ่งก็ไม่พอที่จะใช้จ่ายในครัวเรือนได้

นายชัยวัฒน์ เล่าว่า พอดีกับที่ นายณัฐพล ภูใบบัง เพื่อนรุ่นน้องที่กำลังเรียนจะขึ้นเรียนชั้น ม.3 ซึ่งเป็นญาติกันและมีพรสวรรค์ด้านงานศิลปะการแกะสลัก มาชวนให้ร่วมกันแกะสลักกระจก และเนื่องจากตนมีความชอบในศิลปะด้านนี้อยู่แล้ว จึงได้ร่วมกันทำอย่างจริงจัง โดยใช้บ้านของนางคำปอยผู้เป็นยายเป็นสถานที่ทำงาน เริ่มทำมาตั้งแต่ช่วงเข้าฤดูแล้งที่ว่างงานและปิดภาคเรียน ได้ชิ้นงานออกมาแล้วประมาณ 30 ชิ้น แต่ยังไม่นำออกจำหน่าย

เนื่องจากยังจัดทำไม่เรียบร้อย เหลือขั้นตอนการเข้ากรอบ วันหนึ่งๆ สามารถแกะสลักได้ 1 ภาพ หรือแล้วแต่ความยากง่ายของลวดลายที่แกะ มีหลายประเภท ทั้งพระพุทธรูป พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภาพฤาษี ภาพสัตว์ในเทพนิยาย ในวรรณคดี แกะเสร็จก็จะนำมาพ่นสีทองเพื่อความสวยงาม เหมาะสำหรับเป็นของกำนัลมอบให้คนที่นับถือ เป็นของขวัญให้คนที่รัก เป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับบ้าน สถานที่ราชการ

หรือหากจะนำไปให้พระเกจิอาจารย์ปลุกเสก เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นเครื่องรางของขลังก็ได้ แต่ตอนนี้ยังขาดเงินทุนสำหรับซื้อวัสดุในการจัดทำทั้งกระจก สี และไม้ทำกรอบภาพ ซึ่งไม่รู้ว่าจะทำได้ขนาดไหน เพราะไม่มีเงินทุน แต่ในอนาคตก็ตั้งใจไว้ว่าถ้ามีเงินทุน มีรายได้เข้ามา ก็จะจัดตั้งเป็นกลุ่มแกะสลักลวดลายกระจก โดยจะเชิญชวนวัยรุ่น เยาวชนในหมู่บ้านมาเข้ากลุ่ม ทำงานด้วยกัน เชื่อว่าจะเป็นอีกแนวทางในการแก้ไขปัญหาวัยรุ่นได้”

ด้าน นายณัฐพล ภูใบบัง กล่าวว่า ทีแรกก็เรียนมาตามการฝึกอาชีพในโรงเรียน แต่เมื่อมาเป็นอาชีพหาเงินหารายได้เข้าครอบครัวก็จะดียิ่งขึ้น แต่ตอนนี้เรากำลังคิดอยู่ว่าจะขายราคาเท่าไหร่ ขายกันยังไงเพราะก็กลัวว่าลูกค้าจะไม่ชอบไม่สะดุดตา ซึ่งเป็นความคิดความกังวลในใจ แต่ก็คิดว่าอย่างน้อยๆ ก็มีเพื่อนบ้านลุงป้าน้าอาญาติพี่น้องจะช่วยสนับสนุน แต่ถ้าหากมีผู้ใหญ่มาช่วยสนับสนุนก็ถือว่าเป็นโชคดี

ส่วนราคาที่จะขายผลิตภัณฑ์คงจะไม่คิดแพงเพราะเป็นฝีมือเด็ก หรือไม่ก็คิดคำนวณตามเงินที่ลงทุนไปแต่ไม่บวกค่าแรง ก็รอลุ้นอยู่ว่าจะขายได้ไหม เร็วๆ นี้ ก็จะเอาไปวางขายในตลาดของหมู่บ้าน
กำลังโหลดความคิดเห็น