พระราชพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลี่ยมกับแคเธอรีน มิดเดิลตัน ผ่านลุล่วงไปอย่างเรียบร้อยท่ามกลางสายตาของผู้ชมทั่วโลกกว่า ๒,๐๐๐ ล้านคน
และเราได้ยลโฉมเคทกลายเป็นตำนานของสามัญชนคนชั้นกลาง เป็นเจ้าหญิงที่ได้รับการสถาปนาโดยที่เธอไม่ได้อยู่ในฐานันดรแห่งราชวงศ์ หรือมีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดใดๆ การขึ้นมาเป็นชายาของเธอนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ ๓๕๐ปีเลยทีเดียว
เคทเป็นเจ้าหญิงที่สวยสง่า ยังทรงมีตำแหน่งเป็นดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ซึ่งได้รับพระราชทานโดยพระราชินีสมเด็จพระนางเจ้าอลิซาเบธที่ ๒ ให้เป็นของขวัญหลังพิธีเสกสมรส โดยตำแหน่งนี้เช่นกันยังไม่เคยมีการแต่งตั้งมานับ ๑๐๐ ปีมาแล้ว
นอกจากนี้เจ้าหญิงเคทยังทรงได้ตำแหน่ง เคาต์เทสส์ แห่งสแตรทเฮิร์น และบารอนเนส แห่งคาร์ริคฟอร์กัสด้วย
สำหรับพระราชประวัติของเจ้าหญิงนั้น แม้จะมีผู้เขียนไว้มากแล้ว แต่ก็สมควรกล่าวถึง
อย่างที่กล่าวแล้ว พระองค์ถือกำเนิดสามัญชน ชนชั้นกลาง เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ค.ศ. ๑๙๘๒ ที่โรงพยาบาล Berkshine, Reading, Berkshine ประเทศอังกฤษ
บิดาของเคทคือ ไมเคิล ฟรานซิส มิดเดิลตัน มารดา นางแครอล อลิเบธ มิดเดิลตัน น้องชายชื่อเจมส์ น้องสาว ชื่อฟิลิปปา
ครอบครัวของเจ้าหญิงเคทนั้นถือว่าร่ำรวยจากน้ำพักน้ำแรงด้วยตัวเอง
ทั้งบิดามารดาต่างเริ่มต้นทำงานกับสายการบินบริติชแอร์เวย์ ต่อมาเห็นลู่ทางที่จะร่ำรวยจึงมาตั้งบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับจัดงานปาร์ตี้แบบสั่งผ่านทางอินเตอร์เนต ทำให้ธุรกิจมีมูลค่ากว่า ๓๐ ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าร่ำรวยพอที่จะใช้จ่ายได้อย่างสบายๆ และส่งลูกๆ ไปเข้าโรงเรียนดีๆ ได้
การที่พ่อแม่มีรายได้ดีขึ้นมากจึงส่งผลให้สามัญชนอย่างเคทไปเรียนโรงเรียนดีๆ มาตลอด
ตั้งแต่เล็กเคทเดินทางไปต่างประเทศพร้อมพ่อแม่ เริ่มจากเมื่อพ่อแม่ต้องย้ายไปประจำอยู่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน ขณะนั้นเคทอายุเพียง ๒ ขวบ
ครอบครัวมิดเดิลตันอยู่จอร์แดนสองปีครึ่ง จากนั้นในเดือนกันยายน ปี ๑๙๘๖ ก็ย้ายกลับมาอยู่อังกฤษ และเคทเข้ามาเรียนที่โรงเรียนเซ็นต์แอนดรูว์จนถึงปี ๑๙๕๕ แล้วจึงไปต่อไฮสกูลที่มาร์ลบาล่าห์คอลเลจ ณ เมืองวิลเชียร์ โดยเธอเป็นนักกีฬาของโรงเรียนทั้งอยู่ในทีมเทนนิส และฮ็อกกี้ด้วย เธอเรียนที่โรงเรียนนี้จนถึงปี ๒๐๐๐ จากนั้นใช้ช่วงปีที่เหลือ ไปเรียนที่ British Institute of Florence และที่ Raleigh International Program in Chile
ในปี ๒๐๐๒ เธอเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเซ็นต์แอนดรูว์ในสก็อตแลนด์ ซึ่งทำให้พระองค์ทรงพบกับเจ้าชายวิลเลี่ยม
ระหว่างที่เรียน พระองค์ยังเป็นนักกีฬาฮ็อกกี้ของมหาวิทยาลัยด้วย
กล่าวได้ว่าชีวิตในวัยเยาว์ของพระองค์นั้นไม่ธรรมดา พระองค์ทรงมีพรสวรรค์ทางด้านกีฬา อีกทั้งทรงเรียนหนังสือได้ดี พระองค์จบการศึกษาปริญญาตรี ด้านประวัติศาสตร์ศิลปได้เกียรตินิยม โดยเจ้าชายวิลเลี่ยมจบด้านภูมิศาสตร์
สำหรับการเริ่มต้นชีวิตส่วนพระองค์ในการทำงานนั้น พระองค์ทรงรับงานในปี ๒๐๐๖ เป็นผู้จัดซื้อเสื้อผ้าให้ร้านเสื้อผ้าที่มีหลายสาขาชื่อ Jigsaw แต่พระองค์ทรงงานแค่ปีเดียว จากนั้นก็มีข่าวว่าพระองค์ต้องการที่จะเป็นช่างภาพมืออาชีพ โดยพระองค์ประสงค์จะไปเรียนการถ่ายภาพกับช่างภาพมืออาชีพชื่อดังคือ มาริโอ เทสติโน ซึ่งถือว่าถ่ายภาพเจ้าหญิงไดอาน่าได้สิริโฉม และเป็นธรรมชาติมากที่สุด
กล่าวกันว่าคนที่แนะนำให้เจ้าหญิงเคทรู้จักกับช่างภาพคนนี้ก็คือเจ้าชายวิลเลี่ยมนี่เอง แต่ตัวเทสติโนนั้นออกมาให้ข่าวในภายหลังปฏิเสธว่าพระองค์หญิงไม่เคยที่จะมาทำงานให้เขา
สำหรับเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าชายวิลเลี่ยมกับเจ้าหญิงเคทนั้นถือว่าเป็นตำนานได้เรื่องหนึ่ง และมันเริ่มจากการที่ทั้งสองเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน
แต่การสานสัมพันธ์อย่างแท้จริงมาเกิดขึ้นเมื่อมีการแสดงแฟชั่นโชว์การกุศลที่ในขณะนั้นเคทแต่งชุดโปร่งใส
ในการนี้เจ้าชายวิลเลี่ยมจองที่นั่งแถวหน้าสุด และจ่ายราคาบัตรการกุศลถึง ๒๐๐ ปอนด์ หรือประมาณ หมื่นสองพันบาทเลยทีเดียว
นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่พัฒนาสู่ความเป็นเพื่อนและไปสู่ความรักในที่สุด
หากนับจากแฟชั่นโชว์ในปี ๒๐๐๒ ถึงวันประกาศหมั้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๖พฤศจิกายน ๒๐๑๐ ก็เท่ากับว่าทั้งสองพระองค์รักกันมานานได้ ๘ ปีเต็มๆ
เรื่องราวของความรักแท้เป็นจริงนี้ และราชพิธีเสกสมรสที่ผ่านไปจะยังมีคนพูดถึงไปอีกนาน เพราะเป็นตำนานรักที่ทุกคนเฝ้าติดตามเหมือนนิยายโรแมนติกยุคใหม่ที่หาดูได้ยากในยุคสมัยนี้
สื่อมวลชนก็ยังคนเฝ้าติดตาม และนำเสนอเรื่องราวของทั้งสองพระองค์อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งหาประเด็นใหม่มานำเสนออยู่ตลอดเวลา
ครับ เรื่องราวแบบนี้ไม่ทำให้เราต้องมาเครียดเหมือนมองมายังเรื่องราวในบ้านของเราในขณะนี้
และเราได้ยลโฉมเคทกลายเป็นตำนานของสามัญชนคนชั้นกลาง เป็นเจ้าหญิงที่ได้รับการสถาปนาโดยที่เธอไม่ได้อยู่ในฐานันดรแห่งราชวงศ์ หรือมีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดใดๆ การขึ้นมาเป็นชายาของเธอนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ ๓๕๐ปีเลยทีเดียว
เคทเป็นเจ้าหญิงที่สวยสง่า ยังทรงมีตำแหน่งเป็นดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ซึ่งได้รับพระราชทานโดยพระราชินีสมเด็จพระนางเจ้าอลิซาเบธที่ ๒ ให้เป็นของขวัญหลังพิธีเสกสมรส โดยตำแหน่งนี้เช่นกันยังไม่เคยมีการแต่งตั้งมานับ ๑๐๐ ปีมาแล้ว
นอกจากนี้เจ้าหญิงเคทยังทรงได้ตำแหน่ง เคาต์เทสส์ แห่งสแตรทเฮิร์น และบารอนเนส แห่งคาร์ริคฟอร์กัสด้วย
สำหรับพระราชประวัติของเจ้าหญิงนั้น แม้จะมีผู้เขียนไว้มากแล้ว แต่ก็สมควรกล่าวถึง
อย่างที่กล่าวแล้ว พระองค์ถือกำเนิดสามัญชน ชนชั้นกลาง เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ค.ศ. ๑๙๘๒ ที่โรงพยาบาล Berkshine, Reading, Berkshine ประเทศอังกฤษ
บิดาของเคทคือ ไมเคิล ฟรานซิส มิดเดิลตัน มารดา นางแครอล อลิเบธ มิดเดิลตัน น้องชายชื่อเจมส์ น้องสาว ชื่อฟิลิปปา
ครอบครัวของเจ้าหญิงเคทนั้นถือว่าร่ำรวยจากน้ำพักน้ำแรงด้วยตัวเอง
ทั้งบิดามารดาต่างเริ่มต้นทำงานกับสายการบินบริติชแอร์เวย์ ต่อมาเห็นลู่ทางที่จะร่ำรวยจึงมาตั้งบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับจัดงานปาร์ตี้แบบสั่งผ่านทางอินเตอร์เนต ทำให้ธุรกิจมีมูลค่ากว่า ๓๐ ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าร่ำรวยพอที่จะใช้จ่ายได้อย่างสบายๆ และส่งลูกๆ ไปเข้าโรงเรียนดีๆ ได้
การที่พ่อแม่มีรายได้ดีขึ้นมากจึงส่งผลให้สามัญชนอย่างเคทไปเรียนโรงเรียนดีๆ มาตลอด
ตั้งแต่เล็กเคทเดินทางไปต่างประเทศพร้อมพ่อแม่ เริ่มจากเมื่อพ่อแม่ต้องย้ายไปประจำอยู่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน ขณะนั้นเคทอายุเพียง ๒ ขวบ
ครอบครัวมิดเดิลตันอยู่จอร์แดนสองปีครึ่ง จากนั้นในเดือนกันยายน ปี ๑๙๘๖ ก็ย้ายกลับมาอยู่อังกฤษ และเคทเข้ามาเรียนที่โรงเรียนเซ็นต์แอนดรูว์จนถึงปี ๑๙๕๕ แล้วจึงไปต่อไฮสกูลที่มาร์ลบาล่าห์คอลเลจ ณ เมืองวิลเชียร์ โดยเธอเป็นนักกีฬาของโรงเรียนทั้งอยู่ในทีมเทนนิส และฮ็อกกี้ด้วย เธอเรียนที่โรงเรียนนี้จนถึงปี ๒๐๐๐ จากนั้นใช้ช่วงปีที่เหลือ ไปเรียนที่ British Institute of Florence และที่ Raleigh International Program in Chile
ในปี ๒๐๐๒ เธอเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเซ็นต์แอนดรูว์ในสก็อตแลนด์ ซึ่งทำให้พระองค์ทรงพบกับเจ้าชายวิลเลี่ยม
ระหว่างที่เรียน พระองค์ยังเป็นนักกีฬาฮ็อกกี้ของมหาวิทยาลัยด้วย
กล่าวได้ว่าชีวิตในวัยเยาว์ของพระองค์นั้นไม่ธรรมดา พระองค์ทรงมีพรสวรรค์ทางด้านกีฬา อีกทั้งทรงเรียนหนังสือได้ดี พระองค์จบการศึกษาปริญญาตรี ด้านประวัติศาสตร์ศิลปได้เกียรตินิยม โดยเจ้าชายวิลเลี่ยมจบด้านภูมิศาสตร์
สำหรับการเริ่มต้นชีวิตส่วนพระองค์ในการทำงานนั้น พระองค์ทรงรับงานในปี ๒๐๐๖ เป็นผู้จัดซื้อเสื้อผ้าให้ร้านเสื้อผ้าที่มีหลายสาขาชื่อ Jigsaw แต่พระองค์ทรงงานแค่ปีเดียว จากนั้นก็มีข่าวว่าพระองค์ต้องการที่จะเป็นช่างภาพมืออาชีพ โดยพระองค์ประสงค์จะไปเรียนการถ่ายภาพกับช่างภาพมืออาชีพชื่อดังคือ มาริโอ เทสติโน ซึ่งถือว่าถ่ายภาพเจ้าหญิงไดอาน่าได้สิริโฉม และเป็นธรรมชาติมากที่สุด
กล่าวกันว่าคนที่แนะนำให้เจ้าหญิงเคทรู้จักกับช่างภาพคนนี้ก็คือเจ้าชายวิลเลี่ยมนี่เอง แต่ตัวเทสติโนนั้นออกมาให้ข่าวในภายหลังปฏิเสธว่าพระองค์หญิงไม่เคยที่จะมาทำงานให้เขา
สำหรับเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าชายวิลเลี่ยมกับเจ้าหญิงเคทนั้นถือว่าเป็นตำนานได้เรื่องหนึ่ง และมันเริ่มจากการที่ทั้งสองเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน
แต่การสานสัมพันธ์อย่างแท้จริงมาเกิดขึ้นเมื่อมีการแสดงแฟชั่นโชว์การกุศลที่ในขณะนั้นเคทแต่งชุดโปร่งใส
ในการนี้เจ้าชายวิลเลี่ยมจองที่นั่งแถวหน้าสุด และจ่ายราคาบัตรการกุศลถึง ๒๐๐ ปอนด์ หรือประมาณ หมื่นสองพันบาทเลยทีเดียว
นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่พัฒนาสู่ความเป็นเพื่อนและไปสู่ความรักในที่สุด
หากนับจากแฟชั่นโชว์ในปี ๒๐๐๒ ถึงวันประกาศหมั้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๖พฤศจิกายน ๒๐๑๐ ก็เท่ากับว่าทั้งสองพระองค์รักกันมานานได้ ๘ ปีเต็มๆ
เรื่องราวของความรักแท้เป็นจริงนี้ และราชพิธีเสกสมรสที่ผ่านไปจะยังมีคนพูดถึงไปอีกนาน เพราะเป็นตำนานรักที่ทุกคนเฝ้าติดตามเหมือนนิยายโรแมนติกยุคใหม่ที่หาดูได้ยากในยุคสมัยนี้
สื่อมวลชนก็ยังคนเฝ้าติดตาม และนำเสนอเรื่องราวของทั้งสองพระองค์อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งหาประเด็นใหม่มานำเสนออยู่ตลอดเวลา
ครับ เรื่องราวแบบนี้ไม่ทำให้เราต้องมาเครียดเหมือนมองมายังเรื่องราวในบ้านของเราในขณะนี้
