น่าน - อำเภอเชียงกลาง จับมือชมรมคนรักษ์น้ำ-รักษ์ป่า ส่งเสริมปลูก “มะเยาหิน” พืชพลังงานตัวใหม่ เชื่อได้ป่าสารพัดประโยชน์ เมล็ดให้น้ำมันผลิตไบโอดีเซล
นายประสาศน์ ภาคธูป นายอำเภอเชียงกลาง จ.น่าน กล่าวถึงการส่งเสริมปลูก “มะเยาหิน” พืชพลังงานตัวใหม่ ที่เชื่อว่าจะสร้างรายได้ให้กับชุมชน ทั้งยังได้ป่าร่มรื่น ลดภาวะโลกร้อน และยังได้น้ำมันผลิตไบโอดีเซล พลังงานทดแทนในอนาคตว่า ขณะนี้ได้ร่วมกับชมรมคนรักษ์น้ำ-รักษ์ป่า อำเภอเชียงกลาง และโครงการพืชพลังงานชนิดใหม่ สวนมะเยาหินแห่งแรกของประเทศไทย อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เพื่อเผยแพร่และเตรียมนำกล้ามะเยาหินกว่า 10,000 ต้น แจกจ่ายให้กับชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเชียงกลาง กว่า 60 หมู่บ้าน นำไปปลูกแซมในพื้นที่เกษตร
ทั้งนี้ มะเยาหิน หรือ สบู่ดำหิน เป็นพันธุ์ไม้จากประเทศเวียดนาม และลาว นับเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่น่าสนใจและมีประโยชน์ เนื่องจากเป็นพืชที่เจริญเติบโตเร็วในช่วง 3 ปีเริ่มออกดอกและภายใน 5 ปีให้เมล็ด
ใบของมะเยาหิน เป็นใบใหญ่ให้ความร่มเงา เกษตรกรสามารถปลูกมะเยาหิน ในระยะห่าง 4x4 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ได้ 100 ต้น และให้ผลผลิต 1,200-1,500 กิโลกรัม ต่อไร่ ทั้งยังออกดอกสวยงาม ในหนึ่งช่อดอกจะมีสองสีสวยงาม
สวนมะเยาหิน สามารถส่งเสริมเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ ต้นมะเยาหินมีอายุยืนนาน 60-70 ปี ปลูกเป็นป่าถาวรได้ ที่สำคัญผลและเมล็ด ให้น้ำมันสูงถึง 40% สามารถนำมาผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซล
ในอดีต ภูมิปัญญาชาวบ้าน ได้ใช้ประโยชน์จากผลของมะเยาหิน โดยการบีบคั้นเอาน้ำมันจากเมล็ด ใช้เป็นน้ำมันใส่ตะเกียงจุดไฟให้แสงสว่างในเวลากลางคืน ส่วนเมล็ดแห้งและเปลือกมะเยาหินจะใช้จุดติดไฟแทนเทียนไข แทนฟืน หรือแปรรูปทำเป็นเชื้อเพลิง เช่น ถ่านอัด และใช้เป็นเชื้อเพลิงกับเตาชีวมวลแทนแก๊ส LPG ได้ด้วย