บุรีรัมย์ - ใกล้เปิดภาคเรียน ผู้ปกครองบุรีรัมย์ต่างพาบุตรหลานไปเลือกซื้อชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนตามห้างร้านคึกคัก เผยปีนี้ราคาแพงขึ้น ซ้ำเติมภาระค่าครองชีพจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคสูงต่อเนื่อง ทำให้ผู้ปกครองหลายคนต้องรัดเข็มขัดให้ลูกใช้ของเก่าปีที่แล้วและซื้อเฉพาะที่จำเป็น ขณะโรงจำนำเตรียมเงินรองรับเปิดเทอมกว่า 220 ล้าน
วันนี้ (6 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงใกล้เปิดภาคเรียนในอีกไม่กี่วันส่งผลให้บรรยากาศตามห้างร้านต่างๆ ในเขตตัวเมืองบุรีรัมย์ มีพ่อแม่ผู้ปกครองพาบุตรหลานไปเลือกซื้อชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียนกันอย่างคึกคัก ขณะที่ปีนี้ราคาชุดนักเรียนและเครื่องเขียนแบบเรียนแพงขึ้นจากปีที่แล้ว ประกอบกับเงินในโครงการเรียนฟรี 15 ปีของรัฐบาลก็ไม่เพียงพอ ทำให้ผู้ปกครองหลายคนต้องรัดเข็มขัด เลือกซื้อเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ชุดกีฬา สมุด หนังสือที่มีราคาไม่แพงมากนัก ส่วนชุดนักเรียนก็จะให้บุตรหลานสวมใส่ชุดเก่าของปีที่แล้วเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะขณะนี้ต้องแบกรับภาระค่าครองชีพ จากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคหลายชนิดที่ปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว
นางบุศรา โอทารัมย์ อายุ 35 ปี ผู้ปกครองนักเรียนรายหนึ่ง บอกว่า ปีนี้ราคาชุดนักเรียน และอุปกรณ์เครื่องเขียนแบบเรียนแพงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ประกอบกับสินค้าอุปโภคบริโภค ก็มีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียนที่มีรายได้น้อย ต้องได้รับผลกระทบ
ขณะที่ เงินอุดหนุนในโครงการเรียนฟรีของรัฐบาล ก็ยังได้เท่าเดิมไม่มีการปรับขึ้น โดยลูกชายของตนเรียนอยู่ชั้น ป.2 ได้รับเงินค่าอุปกรณ์การเรียน 195 บาท และค่าชุดนักเรียน 360 บาท ดังนั้น ปีนี้จึงเลือกซื้อเฉพาะชุดกีฬา ส่วนชุดนักเรียนก็ให้สวมใส่ของปีที่แล้ว
ด้าน นายประพนธ์ วงศ์สุขสวัสดิ์ เจ้าของร้านจำหน่ายเครื่องเขียนแบบเรียน “ห้างเตียงฮั้ว” ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ยอมรับว่าช่วงเปิดภาคเรียนปีนี้ยอดขายลดลงจากปีที่ผ่านมา 5 - 10 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนมีการปรับขึ้นราคา ทำให้ผู้ปกครองซื้อน้อยลงส่วนใหญ่จะยังใช้ของเดิมปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ทางร้านได้มีการจัดโปรโมชั่นพิเศษ ลด แลก แจกแถม เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ ทั้งเป็นกลยุทธ์ในการแข่งขันด้านการตลาดในอีกทางหนึ่งด้วย
ขณะที่ นายประเสริฐ สันคำ ผู้ช่วยผู้จัดการสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ช่วงเปิดภาคเรียนนี้ ทางสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ได้เตรียมเงินสดกว่า 35 ล้านบาท และทุนหมุนเวียนในสต็อกอีกกว่า 185 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นกว่า 220 ล้านบาท ไว้รองรับให้บริการพ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียน นักศึกษา ที่จะนำสิ่งของมีค่ามาจำนำ เพื่อนำเงินไปซื้ออุปกรณ์การเรียนให้แก่บุตรหลาน และใช้จ่ายในครัวเรือน
พร้อมกันนี้ ทางสถานธนานุบาลฯ ยังได้มีการเพิ่มวงเงินรับจำนำทองคำรูปพรรณอีกบาทละ 800 บาท จากเดิมที่รับจำนำบาทละ 16,000 บาท เพิ่มเป็นบาทละ 16,800 บาท หลังจากราคาทองปรับพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในใกล้เปิดภาคเรียนได้มีประชาชนและพ่อแม่ผู้ปกครอง นำสิ่งของมีค่ามาจำนำ และขอเพิ่มวงเงินรับจำนำกันอย่างคึกคักแล้ว โดยแต่ละวันต้องใช้เงินในการบริการเฉลี่ยวันละ 10 ล้านบาท
“หลังจากสินค้าอุปโภคบริโภคหลายชนิดได้ปรับราคาสูงขึ้น ประกอบกับเป็นช่วงใกล้เปิดภาคเรียน ส่งผลให้ช่วงนี้มีประชาชนมาใช้บริการทั้งนำสิ่งของมาจำนำ และขอเพิ่มวงเงินจำนำ เพิ่มขึ้นจากช่วงปกติอีกเท่าตัว และคาดว่าช่วงเปิดภาคเรียนปีนี้มีประชาชนมาใช้บริการเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์” นายประเสริฐกล่าว