ชาวศรีสะเกษร้องขอหลุมหลบภัยเพิ่ม - ผวาไม่พอรับมือปะทะเดือด “เขาวิหาร”

ศรีสะเกษ - ปชช.หมู่บ้านชายแดนด้าน “เขาพระวิหาร” อ.กันทรลักษ์ ศรีสะเกษ ร้องรัฐขอหลุมหลบภัยเพิ่ม หวั่นทหารไทย-เขมรเปิดปะทะเดือดไม่เพียงพอรองรับ ด้าน ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ สั่งหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งสำรวจเพื่อเสนอของบมหาดไทยสร้างเพิ่มเติมด่วน

วันนี้ (4 พ.ค.) ที่หอประชุมที่ว่าการ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้เชิญประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกองค์การบริหารส่วนตำบล, นายกเทศมนตรี ในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ใกล้เขาพระวิหาร เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยมี นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ นายอำเภอกันทรลักษ์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในเขต อ.กันทรลักษ์ ให้การต้อนรับและร่วมรับฟังความเดือดร้อนของผู้นำชุมชนทุกหมู่บ้านในครั้งนี้ด้วย

นายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะนี้ทุกหมู่บ้านในเขต 4 ตำบลของ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากทางราชการไปใช้ในการซ่อมแซม และทำหลุมหลบภัยแล้ว แต่จากการที่ได้ไปสำรวจดูทุกหมู่บ้านได้รับการเรียกร้องจากชาวบ้านว่าหลุมหลุบภัยที่ได้รับจัดสรรมายังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากหลุมหลบภัยหลายพื้นที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านมากและบางแห่งมีไม่เพียงพอต่อการรองรับชาวบ้านที่จะต้องเข้าไปอาศัยในหลุมหลบภัย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย ซึ่งอยู่ใกล้กับเขาพระวิหารมากที่สุด ชาวบ้านต้องการหลุมหลบภัยเป็นอย่างมาก เนื่องจากยังคงมีความหวาดผวาภัยการสู้รบกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ที่ตรึงกำลังอยู่บริเวณเขาพระวิหารและอาจเกิดการปะทะกันขึ้นได้ตลอดเวลา หากมีหลุมหลบภัยเพิ่มทุกหมู่บ้านในเขต 4 ตำบล อ.กันทรลักษ์ ประมาณ 100 หลุม จะทำให้ชาวบ้านได้รับความอุ่นใจมากขึ้นและมีที่หลบภัยเพียงพอ

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า เรื่องนี้จะได้สั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสำรวจความต้องการหลุมหลบภัยเพิ่มเติมโดยด่วน และจะได้เสนอของบประมาณไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้ตามคำร้องขอของประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อไป

สำหรับสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ ขณะนี้ยังอยู่ในสภาวะปกติทุกอย่างโดยทหารไทย-กัมพูชา ได้มีการพบปะเจรจาหารือกันเป็นประจำ ซึ่งเมื่อมีความขัดแย้ง หรือมีการกระทบกระทั่งระหว่างทหารด้วยกันเกิดขึ้นทำให้สามารถเจรจาทำความเข้ากันได้