กาฬสินธุ์ - พ่อแม่เด็กป่วยออทิสติก แห่นำลูกที่ป่วยออทิสติกมาบำบัดที่บ้านน้องเกมส์ อำเภอสมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ หลังครอบครัว “ปอคีรีบารมี” สามารถบำบัดน้องเกมส์จนหายจากออทิสติก และกลายเป็นเด็กอัจฉริยะ เจ้าของบ้านยันช่วยบำบัดเด็กออทิสติกไม่หวังผลสิ่งตอบแทน
ที่บ้านเลขที่ 40 ต.สมเด็จ อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ บ้านของ นางอารญา และ นายศรีวิศาล ปอคีรีบารมี พ่อและแม่ของน้องเกมส์ ที่ป่วยเป็นออทิสติก แต่ได้รับการบำบัดด้วยการกระตุ้นพัฒนาการเด็กจนกลายเป็นเด็กอัจฉริยะ ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากนำลูกที่ป่วยออทิสติก เข้าคอร์ส ฝึกบำบัดและกระตุ้นพัฒนาการไม่ขาดสายในแต่ละวัน โดยพ่อแม่ของน้องเกมส์เป็นผู้ลงมือปฏิบัติการกระตุ้นพัฒนาการด้วยตนเอง มีแพทย์ และพยาบาลคลินิกกระตุ้นพัฒนาการเด็ก โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ เป็นพี่เลี้ยงให้
นางอารญา ปอคีรีบารมี กล่าวว่า ที่บ้านยังไม่ได้เปิดเป็นศูนย์อะไร สิ่งที่ทำตอนนี้ คือให้การแนะนำวิธีการกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก ตามกระบวนการที่เรามีความรู้และประสบการณ์จากการที่เรามีลูกป่วยเป็นออทิสติก โดยครอบครัวไม่ได้หวังค่าตอบแทนใดๆ ครอบครัวเราเป็นจิตอาสาของโรงพยาบาลกาฬสินธุ์อยู่แล้ว พ่อแม่ที่พาลูกมารักษาบ้างเป็นคนมีเงิน แต่บางรายไม่ใช่คนมีฐานะ
ครอบครัวปอคีรีบารมี ไม่ได้เรียกร้อง มีเพียงกล่องรับบริจาคตามจิตศรัทธา เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ ที่ชำรุดไปบ้าง รวมถึงนำเงินเข้าสมทบกองทุนชมรมผู้ปกครองบุคคลออทิสติก จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเงินบริจาคที่ได้จะมีคณะกรรมการในชมรมมาช่วยดูแลอีกต่อหนึ่งด้วย
“ขณะนี้ต้องรับภาระหนักมากในการดูแลเด็กๆ ที่ผู้ปกครองพามาบำบัดที่บ้าน โดยรับประจำฝึกที่บ้านมี 6 ราย ไม่รวมกับที่พามารับคำปรึกษา และตามสายโทรศัพท์ที่เข้ามาต่อเนื่อง วันนี้ถึงจะเหนื่อย แต่ก็มีความสุขที่ได้ช่วยเหลือคนที่สิ้นหวังเหมือนกับเราในตอนนั้น” นางอารญา กล่าว
ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้ปกครองที่นำลูกมาเข้ารับการกระตุ้นที่บ้านน้องเกมส์พบว่า ทุกคนพึงพอใจกับอาการของลูกหลังกระตุ้นพัฒนาการมาก โดยเฉพาะน้องจัสมิน หรือเด็กหญิงกุนกานดา กานัง อายุ 3 ขวบครึ่ง ซึ่ง นางกุลิสลา แก้วบุญมี ชาวจ.สกลนคร พาเข้ารับการกระตุ้นพัฒนาการตลอดระยะเวลา 2 เดือน
โดยได้ลาออกจากงานประจำของบริษัทเอกชน และมาเช่าบ้านใน อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ขณะนี้ น้องจัสมิน จากที่เคยเป็นเด็กเก็บตัวเงียบไม่ยอมพูด ไม่สบตา และมีอาการซึมเศร้า ปัจจุบันเริ่มทักทายกับคนแปลกหน้าได้ ที่สำคัญคือ การพูด ทำให้คนในครอบครัวรู้สึกตื้นตันใจกับสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นมาก ทั้งพัฒนาการเริ่มตอบสนองดีขึ้นในหลายๆ ด้าน
นางกุลิสลา แก้วบุญมี กล่าวว่า ได้พาลูกสาวมาฝึกและรับการกระตุ้นพัฒนาการกับครอบครัวน้องเกมส์ผ่านไปเพียง 1 สัปดาห์ ตนก็ได้ยินเสียงของลูกสาวพูด โดยประโยคแรกที่พูดคือ “เอานม” เป็นเสียงแรกที่รอคอยมาตลอดระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน ตั้งแต่รู้ว่าจัสมินเป็นออทิสติกในวัย 2 ขวบ วันที่ได้ยินเสียงลูกรู้สึกดีใจจนน้ำตาไหล โทรไปเล่าให้สามีและพ่อแม่ฟังทุกคนต่างดีใจ และให้อดทนบำบัดรักษาจัสมินให้หายตามที่ตั้งใจไว้
ล่าสุด น้องจัสมิน เรียกชื่อหันมาตามเสียงได้ รู้จักชื่อตัวเอง หยอกล้อกับคนอื่นได้ แต่สิ่งที่ดีใจที่สุด คือ ลูกเข้ามาโอบกอดหอมแก้ม วันนี้รู้สึกมั่นใจขึ้นเกิดพลังที่จะรักษาบำบัดน้องจัสมิน ตามคำแนะนำที่ได้รักษาน้องเกมส์จนหายมาแล้ว ซึ่งในใจหวังว่า น้องจัสมิน จะหาย และเป็นเด็กอัจฉริยะได้เหมือนกับน้องเกมส์
ด้าน นางสมคิด สุทธิพรม หัวหน้าคลินิกกระตุ้นพัฒนาการเด็กโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ กล่าวว่า อาการน้องจัสมิน เริ่มแรกพบว่าไม่ยอมสบตา ไม่พูด ไม่มองหน้า และชอบอยู่คนเดียว แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาพ่อแม่ของน้องเกมส์และแม่น้องจัสมิน ได้พาทดสอบ พบว่า อาการทั่วไปดีขึ้น เริ่มมองหน้า เริ่มมีอารมณ์เขินอาย โมโห ที่สำคัญสามารถพูดออกมาเป็นคำเป็นประโยคได้ ถือว่าการกระตุ้นพัฒนาการมาถูกทางแล้ว
อาการจัสมินที่ดีขึ้นส่วนหนึ่ง มาจากความสนใจและตั้งใจจริงของแม่ ทั้งนี้ คลินิกได้แนะนำให้พ่อแม่น้องจัสมิน ได้ปรับพฤติกรรมต่อไปอีกสักระยะ โดยเน้นให้จัสมินได้รู้จักการเข้าสังคม การเลือกอาหาร การช่วยตนเอง การทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่น และให้รู้จักการรอ ซึ่งเทคนิควิธีการต่างๆ นั้นต้องปรับประยุกต์ไปเรื่อย ๆ เพราะเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน