ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - แพทย์เลื่อนกำหนดให้ “หลวงพ่อคูณ” กลับวัดบ้านไร่ เป็นวันจันทร์ที่ 2 พ.ค. จากเดิม 30 เม.ย. เพื่อต้องการให้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เหตุที่ผ่านมากรำงานหนักทำให้ร่างกายทรุดโทรมมาก ขณะพ่อคูณบ่นอยากกลับวัด ด้านจังหวัดฯ ออกประกาศ 6 เหล็ก การนิมนต์ และกราบนมัสการ “หลวงพ่อคูณ”
วันนี้( 29 เม.ย. ) นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด และเป็นแพทย์ประจำตัวของหลวงพ่อคูณ เปิดเผยถึงอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาอาการอยู่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นวันที่ 5 วันนี้ ว่า หลวงพ่อคูณ มีอาการดีขึ้นมาก สีหน้าแจ่มใส ลุกขึ้นเดินออกกำลังกายเบาๆได้ และฉันภัตตาหารได้เป็นปกติ ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ไม่มีไข้ ความดันและชีพจรปกติ แต่แพทย์ยังคงเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด ขณะที่หลวงพ่อคูณบ่นอยากกลับวัดบ้านไร่ อยู่ตลอดเวลา
ส่วนการรักษานั้นคณะแพทย์ได้เปลี่ยนจากยาฉีดทางเส้นเลือด เป็นการให้ยาฉันแทนตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้ และ เฝ้าดูอาการหลวงพ่อต่ออีก 48 ชั่วโมง ว่าหลังการเปลี่ยนเป็นยาฉันแล้ว หลวงพ่อจะมีไข้หรือไม่ และจากการสังเกตอาการมา 24 ชั่วโมงยังไม่พบความผิดปกติของร่างกาย คนไข้ให้การตอบสนองอย่างดี
นพ.พินิศจัย กล่าวอีกว่า จากการประเมินอาการในวันนี้ คณะแพทย์คาดว่าจะเลื่อนให้หลวงพ่อคูณกลับวัดบ้านไร่ได้จากเดิมวันเสาร์ เป็นวันจันทร์ที่ 2 พ.ค. แทน เนื่องจากต้องการให้หลวงพ่อคูณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ประกอบกับร่างกายหลวงพ่อทรุดโทรมมาก เพราะตรากตรำงานหนักในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันนักโภชนาการจะได้ให้คำแนะนำในการฉันอาหาร เพื่อให้ร่างกายท่านแข็งแรงและมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
ทางด้าน นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา วันนี้ ( 29 เม.ย.) ได้ลงนามออกประกาศจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง แนวทางปฏิบัติ ในการรับกิจนิมนต์และการเข้ากราบนมัสการพระเทพวิทยาคม สาระสำคัญระบุว่า เพื่อให้พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีอาการอาพาธ และได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ คณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จึงมีความเห็นให้กำหนดแนวทางปฏิบัติในการนิมนต์และการกราบนมัสการพระเทพวิทยาคม ดังนี้
1.การรับกิจนิมนต์ นอกสถานที่ให้งดรับกิจนิมนต์ จนกว่าสุขภาพจะแข็งแรงและมีน้ำหนักมากกว่า 39 กิโลกรัม
2. การเข้ากราบนมัสการ ให้เข้านมัสการได้ตามวัน เวลา ต่อไปนี้ คือ วันทำการ เฉพาะวันอังคารและวันพฤหัสบดี วันหยุดราชการ นมัสการได้ในวัน เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
3. งดเข้ากราบนมัสการในวันจันทร์ พุธ และวันศุกร์ (ยกเว้นตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์)
4. เวลาในการเข้ากราบนมัสการ ดังนี้ ช่วงเช้า (ก่อนฉันภัตตาหารเช้า) , ช่วงกลาวัน (ก่อนฉันอาหารเพล และ เวลา 15.00น. ซึ่งในการเข้ากราบนมัสการแต่ละครั้ง จะต้องใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที และไม่ให้เข้าใกล้หลวงพ่อคูณเกิน 2 เมตร
5. ผู้ดูแลใกล้ชิด ให้สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ 70% ทุกครั้ง
และ 6.ให้นายอำเภอด่านขุนทด และ ผู้กำกับ สภ.ด่านขุนทด เป็นผู้ควบคุม กำกับ การปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าว
ประกาศ ณ วันที่ 29 เมษายน 2554