บุรีรัมย์ - ชาวบ้านบ้านโคกกระชาย ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งขายของชำในหมู่บ้าน เล่านาทีระทึกขณะลูกกระสุนปืนใหญ่ของทหารเขมรยิงเข้ามาตกใส่กลางหมู่บ้าน 24 ลูก ด้วยความหวาดกลัวทั้งน้ำตา เผยชาวบ้านหนีตายจ้าละหวั่น พร้อมวอนทั้ง 2 ฝ่ายเร่งเจรจายุติการหยุดยิง
วันนี้ (27 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดบุรีรัมย์ รายงาน ว่า หลังเกิดเหตุการณ์ลูกกระสุนปืนใหญ่ และจรวด BM-21 ของทหารกัมพูชา ยิงตกมาใส่ในหมู่บ้านโคกกระชาย ,บ้านสายโท 13 ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เมื่อวานนี้ (26 ม.ย.) จำนวน 24 ลูก ในจำนวนนี้มี 6 ลูก ตกกลางหมู่บ้านทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 4 คน และบ้านพังเสียหาย 2 หลัง สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านที่เหลือได้พากันวิ่งหนีตายกันอลหม่าน
ล่าสุดวันนี้ทำให้หมู่บ้านโคกกระชาย ต้องกลายเป็นหมู่บ้านร้าง เนื่องจากชาวบ้านได้พากันอพยพหนีภัยการสู้รบไปอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวต่างๆ เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย มีเพียงครอบครัวของ นางธนวรรณ จริงประโคน กับสามี ที่ไม่ยอมทิ้งบ้านเรือน ซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำ ไม่ยอมออกไปอยู่ที่ศูนย์อพยพ ยังอยู่เฝ้าดูแลทรัพย์สินถึงแม้จะเสี่ยงอันตราย จากการยิงปะทะระหว่างทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชา จากชายแดนทางด้าน จ.สุรินทร์ ก็ตาม
นางธนวรรณ จริงประโคน อายุ 49 ปี เล่านาทีระทึกทั้งน้ำตา ว่า ขณะเกิดเหตุการณ์ลูกกระสุนปืนใหญ่ของกองกำลังทหารกัมพูชายิงตกเข้ามาในหมู่บ้าน ตนกำลังยืนขายของอยู่หน้าร้านกับสามี พอได้ยินเสียงลูกกระสุนปืนใหญ่ตกดังสนั่น มากกว่า 20 ลูก สามีได้วิ่งเข้าไปหลบในท่อระบายน้ำข้างร้าน ส่วนตนวิ่งหนีไม่คิดชีวิต เช่นเดียวกันชาวบ้านที่ได้พากันแตกตื่นวิ่งหนีตายกันอลหม่าน แต่พอตั้งสติได้ก็มาหาสามี และญาติพี่น้องพร้อมกับให้ญาติพากันออกไปอยู่ยังศูนย์อพยพ เพื่อความปลอดภัย ส่วนตนกับสามีจำเป็นต้องเฝ้าบ้านและร้านเพราะห่วงทรัพย์สิน ประกอบกับบ้านยังไม่มีประตูปิดมิดชิดหนาแน่นดีพอ
“เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เคยพบมาก่อน จากที่เคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่งเมื่อปี 2547 แต่เหตุการณ์ไม่รุนแรงถึงขนาดนี้ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศเร่งเจรจายุติการหยุดยิงโดยเร็ว เพราะผลกระทบจะตกอยู่กับประชาชนตามแนวชายแดนทั้งสองประเทศ ไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติได้” นางธนวรรณ กล่าว