บุรีรัมย์ - สำรวจกระสุนปืนใหญ่ทหารเขมรถล่มกลางหมู่บ้านชายแดนไทย อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ทำบ้านเรือนราษฎรพังเสียหาย 2 หลัง ชาวบ้านบาดเจ็บ 3 ราย หนีตายวุ่น ขณะไทยเคลื่อนกำลังทหาร-ตร.ตรึงตลอดแนวชายแดนด้าน อ.บ้านกรวด
วันนี้ (27 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าผลจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่บริเวณปราสาทตาควาย ต.บักได และ อ.ปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตลอดช่วงบ่ายและต่อเนื่องคืนที่ผ่านมา (26 เม.ย.) ว่า ทหารกัมพูชาได้ระดมยิงปืนจรวดติดรถยนต์แบบ BM-21 ขนาด 40 ลำกล้อง เข้าไปตกในหมู่บ้านโคกกระชาย หมู่ 13 ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ห่างจาก สภ.โคกกระชายไม่ถึง 500 เมตร จำนวนหลายสิบลูก ทำให้ชาวบ้านถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บ 3 ราย คือ นายสนั่น เติมประโคนชัย อายุ 60 ปี แขนขวาหัก จากการถูกสะเก็ดกระสุนปืน เป็นแผลฉีกขาดถึงกระดูกข้อศอก ถูกนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์, นายสนม เติมประโคน อายุ 58 ปี น้องชายนายสนั่น ถูกสะเก็ดกระสุนปืนที่ข้อเท้าขวา เย็บกว่า 10 เข็ม ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอประโคนชัย และนายธนาศิลป์ เสาเปรีย อายุ 40 ปี ถูกสะเก็ดกระสุนปืนใหญ่ที่บริเวณหลัง ถูกส่งรักษาที่ศูนย์แพทย์ ต.โนนเจริญ อ.บ้านกรวด โดยไม่มีชาวบ้านผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียจากแรงระเบิด จำนวน 2 หลัง และวัวของชาวบ้านถูกสะเก็ดระเบิดตาย 1 ตัว
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ชาวบ้านภายในหมู่บ้านโคกกระชายต่างหวาดกลัววิ่งหนีตายกันอลหม่าน จากนั้นชาวบ้านได้พากันอพยพออกจากหมู่บ้านไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์ที่ว่าการอำเภอบ้านกรวดเพิ่มอีก 200 คน จากเดิมมียอดผู้อพยพ 600 คน รวมเป็น 800 คน และบางส่วนได้อพยพไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์วัดตลาดนิคม เพิ่มขึ้นอีก 100 คน จากเดิมมีอยู่ร่วม 200 คน ส่วนภายในหมู่บ้านในช่วงกลางคืนได้มีชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน (ชรบ.) เฝ้าดูแลรักษาความปลอดภัยและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งจากเหตุการณ์ดังกล่าวในช่วงกลางคืน ทหารไทยได้เคลื่อนกำลังพร้อมรถถังเข้าประชิดแนวชายแดนที่ อ.บ้านกรวด เพื่อตรึงกำลังเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ หากทางกองกำลังกัมพูชามีการยิงเข้ามายังฝั่งไทยพร้อมที่จะตอบโต้ได้ทุกเมื่อ
ขณะที่ทางกองบังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ ได้ส่งกำลังตำรวจชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) กว่า 20 นาย สนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกกระชาย หลังจากมีกระสุนปืนใหญ่ตกเข้ามาในหมู่บ้าน และมีกำลังตำรวจจาก สภ.ใกล้เคียง มาสนับสนุนเพิ่มอีกเพราะกำลังตำรวจ สภ.โคกกระชาย ที่มีอยู่กว่า 30 นาย ไม่เพียงพอ เพราะบางส่วนต้องไปรักษาความปลอดภัยตามศูนย์อพยพ และออกลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยตามหมู่บ้านต่างๆ
