เชียงราย - ชาวเกาหลีเหนือยังทะลักเข้าไทยไม่หยุด เพื่อหาช่องทางลี้ภัยไปประเทศที่ 3 และเกาหลีใต้ ล่าสุด ถึงขั้นเดินไปจับจองพื้นที่ใต้ถุนอาคาร สภ.เมืองเชียงราย ใช้เป็นสถานที่กิน-นอน รอให้เจ้าหน้าที่มาจับ หลังลักลอบเข้าไทยผ่านน้ำโขง-R3a ต่อเนื่อง
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ช่วงเดือนเมษายน 2554 นี้ ได้มีชาวเกาหลีเหนือจำนวนมาก พากันไปจับจองบริเวณชั้นล่างของอาคารลูกพ่อขุนฯ สภ.เมืองเชียงราย เป็นสถานที่อยู่อาศัยหลับนอนอย่างอุกอาจ ทั้งที่เป็นกลุ่มคนที่เหมือนกับชาวเกาหลีเหนือที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายมาทางชายแดนจีน-สปป.ลาว-ไทย ด้าน อ.เชียงแสน หรือ อ.เชียงของ มาก่อนหน้านี้ เพื่อหวังจะขอลี้ภัยไปยังประเทศที่สาม หรือเกาหลีใต้ เนื่องจากไม่ต้องการอาศัยอยู่ในประเทศเกาหลีเหนือ
สภาพการเข้าไปจับจอง สภ.เมืองเชียงราย เป็นสถานที่พักอาศัยดังกล่าวได้สร้างความยากลำบาก และรำคาญให้กับพนักงานงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วไป และผู้ที่ไปติดต่อราชการอย่างยิ่ง เพราะโต๊ะเก้าอี้หรือบริเวณดังกล่าวจะถูกจับจองเป็นที่พักอาศัย กินข้าว หลับนอน โดยคนเหล่านี้จะออกไปหาซื้อกับข้าวจากร้านใกล้เคียงมานั่งกินกันก่อนนอนเป็นกลุ่มๆ และวางกระเป๋าเดินทางเอาไว้ที่มุมหนึ่งของอาคารด้วย
โดยคนเหล่านี้ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้ทำการจับกุม เพื่อจะได้ยื่นเรื่องขอลี้ภัย เพราะตามปกติหลังจากพนักงานสอบสวนดำเนินคดีแล้วจะส่งตัวไปให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อผลักดันตามความประสงค์ และทางเอกอัครราชทูตประเทศเกาหลีใต้ ประจำประเทศไทย จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือรับกลุ่มคนเหล่านี้ต่อไป แต่ไม่สามารถสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ได้ทั้งภาษาไทย ภาษาจีน หรือภาษาอังกฤษ
ล่าสุด พ.ต.อ.มงคล สัมภาวะผล ผกก.สภ.เมืองเชียงราย สั่งการให้ ด.ต.สุบิน ภักดี, ด.ต.ศิลปชัย อินต๊ะขัติ, ด.ต.พิสิษฐ์ ไตรทิพย์จรัสพงษ์ ผบ.หมู่งาน ป.เข้าทำการจับกุมตัวชายหญิงชาวเกาหลีเหนือที่เข้าไปจับจองโรงพักเป็นที่พักได้จำนวน 15 คน ประกอบไปด้วย นายคิม ซุงกริง อายุ 71 ปี นายซัมซุง ดริว อายุ 61 ปี นายคิม เมืองนำ อายุ 50 ปี นายคิน ชุนขล อายุ 48 ปี นายเช ฮงชุง อายุ 39 ปี นายชาชิน อ็อก อายุ 39 ปี นายดี เชินชู อายุ 37 ปี นายยัง ปินมิน อายุ 26 ปี นายดี ยุนชุน อายุ 19 ปี นางกัม ยุงชิว อายุ 42 ปี นางแพก มินดา อายุ 42 ปี นางชัง มีอ็อก อายุ 42 ปี นางจิม ยอบี อายุ 37 ปี นางลี ลิบเฮ อายุ 29 ปี และ นางคิม ฮุนตรี อายุ 23 ปี
จากนั้นนำตัวไปทำการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ชาวเกาหลีเหนือทั้ง 15 คน หลบหนีออกจากประเทศเกาหลีเหนือมาจากชายแดนเกาหลีเหนือ-จีน จากนั้นหลบหนีลงมาจนถึงท่าเรือแม่น้ำโขงที่เมืองเชียงรุ้ง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน จีนตอนใต้ แล้วจึงนั่งเรือสินค้าแม่น้ำโขงล่องมาจนขึ้นฝั่งที่ อ.เชียงแสน
แต่ปรากฏว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ตำรวจส่วนใหญ่หันไปให้บริการด้านการจราจร และไปประจำยังด่านตรวจต่างๆ จึงไม่มีใครว่างเว้นมาทำการจับกุม ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางเรื่อยมาจนพบจุดพักอาศัยอยู่กินที่เหมาะสมที่ใต้ถุนอาคารลูกพ่อขุน สภ.เมืองเชียงราย ดังกล่าว
เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตังส่ง พ.ต.ท.สมชาย เด่นตี สารวัตรเวร สภ.เมืองเชียงราย ดำเนินคดีตามกฎหมาย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับปัญหาการหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของชาวสัญชาติเกาหลีเหนือ เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งจนทำให้มีสถิติการจับกุมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ปีละประมาณ 1,000 กว่าคน หรือเฉลี่ยเดือนละประมาณ 100 คน แต่ละครั้งจะจับกุมได้เป็นกลุ่มๆ ละตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยชาวเกาหลีเหนือเหล่านี้อาศัยชายแดนเกาหลีเหนือ-จีน แถบ จ.ฮัมยุงปุตโต และ จ.ฮัมยุงนำโต ที่ผู้คนทั้งสองฝั่งประเทศมีรูปร่างหน้าตาและภาษาเหมือนกันหลบหนีข้ามมายังฝั่งจีน
จากนั้นเดินเลาะตะเข็บชายแดนจีนไปยังเมืองใหญ่ๆ เช่น กวางตุ้ง เซี่ยงไฮ้ ฯลฯ และลงมาถึงสิบสองปันนา-เชียงแสน หรือบางส่วนจะนั่งรถโดยสารจากสิบสองปันนามายังชายแดนจีน-ลาว ก่อนจะหาทางเข้าลาวผ่านภูเขาตามแนวชายแดนแล้วนั่งรถต่อมาตามเส้นทาง R3a เข้าไทยที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย อีกทอดหนึ่ง โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายต่อหัวไม่น้อยกว่า 2 แสนบาท ทั้งนี้เชื่อกันว่าตลอดรายทางมีเครือข่าย หรือกลุ่มขบวนการที่คอยให้การช่วยเหลือเรื่องที่พัก อาหาร เงินสกุลประเทศต่างๆ การติดต่อสื่อสาร ฯลฯ ตลอดเดินทาง