จันทบุรี - พ่อค้าแม่ค้าผลไม้ชายแดนกลัวเขมรไม่ให้นำเข้าผลไม้จากไทย หลังเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางเข้ามาจับกุมพ่อค้าแม่ค้า ที่มีการนำเข้ามะม่วงมาจากประเทศกัมพูชา
วันนี้ (10 เม.ย.) พ่อค้าแม่ค้า ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดจันทบุรี ได้มีการประชุมหารือถึงกรณีที่ หน่วยเฉพาะกิจจากส่วนกลาง จับมะม่วงนำเข้าจากกัมพูชาจำนวน 1 รถกระบะ จึงเกรงว่า หลังจากนี้ ประเทศกัมพูชาจะไม่ยอมให้ผลไม้ไทยส่งออกไปยังเวียดนามและจีน พร้อมกันนี้ จึงได้ร้องขอไปยัง นายกสมาคมการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดจันทบุรี ช่วยเจรจากับ นายพจน์ รักความสุข นายอำเภอโป่งน้ำร้อน และ นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ช่วยเร่งทำความเข้าใจกับ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานเฉพาะกิจจากส่วนกลาง
ในเรื่องของการจับมะม่วงที่ชาวกัมพูชานำเข้ามาจำหน่ายยังตลาดชายแดนด้านอำเภอโป่งน้ำร้อน ซึ่งจะมีการนำมะม่วงมาจำหน่ายครั้งละ 1 เที่ยวรถกระบะ เกรงว่า ฤดูผลไม้หลักที่จะส่งออกในปีนี้ ไม่นับรวมถึงลำไย และ มะม่วงพันธุ์เขียวเสวยของประเทศไทย ที่สามารถส่งออกทั้งปีได้ และเป็นสินค้าส่งออกในขณะนี้ แต่เกรงว่ามิตรภาพระหว่างสองแผ่นดิน คือไ ทย-กัมพูชา ตามแนวชายแดนที่ใช้เป็นพื้นที่หลัก และเป็นบ้านพี่เมืองน้อง จะเกิดปัญหาของการระบายผลไม้ไทย เช่น เงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง ทั้งเกรดสูงและต่ำ จะเกิดผลกระทบ หากประเทศกัมพูชามีการเข้มงวด ไม่ให้ผลไม้ของชาวจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด ที่ส่วนหนึ่งส่งออกไปจำหน่ายยังกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และผลไม้ส่วนใหญ่ต้องอาศัยเส้นทางการลำเลียงผ่านกัมพูชา เพื่อไปจำหน่ายยังประเทศเวียดนามและประเทศจีน
เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจจากส่วนกลาง ไม่เข้าใจต่อระบบการประสาน งาน ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาทำการจับกุมอาจจะส่งผลกระทบระยะยาว ต่อเศรษฐกิจกับชาวสวนผลไม้และผู้ประกอบการ
ดร.อิสิวุฒิ ตั้งเกียรติ นายกสมาคมผู้ประกอบการค้าชายแดน ไทย-กัมพูชา จังหวัดจันทบุรี กล่าวว่าจะมีการนำเรื่องนี้เสนอ นายอำเภอโป่งน้ำร้อน และผู้ว่าราชการจังหวัด ให้รับทราบแล้วถึงระบบการค้าในพื้นที่ชายแดน พร้อมทั้งให้ช่วยชี้แจงต่อหน่วยงานที่เข้ามาทำการจับกุมในครั้งนี้และครั้งที่ผ่านมา ให้เข้าใจ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อชาวสวนผลไม้ของชาวจันทบุรีและตราด หากกัมพูชากีดกันผลไม้ไทย ที่ในปีหนึ่งๆจังหวัดจันทบุรีส่งออกผลไม้ ไปยังประเทศกัมพูชา เวียดนาม และจีน ที่ต้องอาศัยประเทศกัมพูชาเป็นตัวกลาง ปีละนับพันล้านบาท
วันนี้ (10 เม.ย.) พ่อค้าแม่ค้า ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดจันทบุรี ได้มีการประชุมหารือถึงกรณีที่ หน่วยเฉพาะกิจจากส่วนกลาง จับมะม่วงนำเข้าจากกัมพูชาจำนวน 1 รถกระบะ จึงเกรงว่า หลังจากนี้ ประเทศกัมพูชาจะไม่ยอมให้ผลไม้ไทยส่งออกไปยังเวียดนามและจีน พร้อมกันนี้ จึงได้ร้องขอไปยัง นายกสมาคมการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดจันทบุรี ช่วยเจรจากับ นายพจน์ รักความสุข นายอำเภอโป่งน้ำร้อน และ นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ช่วยเร่งทำความเข้าใจกับ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานเฉพาะกิจจากส่วนกลาง
ในเรื่องของการจับมะม่วงที่ชาวกัมพูชานำเข้ามาจำหน่ายยังตลาดชายแดนด้านอำเภอโป่งน้ำร้อน ซึ่งจะมีการนำมะม่วงมาจำหน่ายครั้งละ 1 เที่ยวรถกระบะ เกรงว่า ฤดูผลไม้หลักที่จะส่งออกในปีนี้ ไม่นับรวมถึงลำไย และ มะม่วงพันธุ์เขียวเสวยของประเทศไทย ที่สามารถส่งออกทั้งปีได้ และเป็นสินค้าส่งออกในขณะนี้ แต่เกรงว่ามิตรภาพระหว่างสองแผ่นดิน คือไ ทย-กัมพูชา ตามแนวชายแดนที่ใช้เป็นพื้นที่หลัก และเป็นบ้านพี่เมืองน้อง จะเกิดปัญหาของการระบายผลไม้ไทย เช่น เงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง ทั้งเกรดสูงและต่ำ จะเกิดผลกระทบ หากประเทศกัมพูชามีการเข้มงวด ไม่ให้ผลไม้ของชาวจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด ที่ส่วนหนึ่งส่งออกไปจำหน่ายยังกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และผลไม้ส่วนใหญ่ต้องอาศัยเส้นทางการลำเลียงผ่านกัมพูชา เพื่อไปจำหน่ายยังประเทศเวียดนามและประเทศจีน
เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจจากส่วนกลาง ไม่เข้าใจต่อระบบการประสาน งาน ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาทำการจับกุมอาจจะส่งผลกระทบระยะยาว ต่อเศรษฐกิจกับชาวสวนผลไม้และผู้ประกอบการ
ดร.อิสิวุฒิ ตั้งเกียรติ นายกสมาคมผู้ประกอบการค้าชายแดน ไทย-กัมพูชา จังหวัดจันทบุรี กล่าวว่าจะมีการนำเรื่องนี้เสนอ นายอำเภอโป่งน้ำร้อน และผู้ว่าราชการจังหวัด ให้รับทราบแล้วถึงระบบการค้าในพื้นที่ชายแดน พร้อมทั้งให้ช่วยชี้แจงต่อหน่วยงานที่เข้ามาทำการจับกุมในครั้งนี้และครั้งที่ผ่านมา ให้เข้าใจ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อชาวสวนผลไม้ของชาวจันทบุรีและตราด หากกัมพูชากีดกันผลไม้ไทย ที่ในปีหนึ่งๆจังหวัดจันทบุรีส่งออกผลไม้ ไปยังประเทศกัมพูชา เวียดนาม และจีน ที่ต้องอาศัยประเทศกัมพูชาเป็นตัวกลาง ปีละนับพันล้านบาท
