ฉะเชิงเทรา - เหยื่อสาวเพื่อนร่วมทางคืนมรณะ ชิ้นส่วนยานยนต์สยองมอเตอร์เวย์ปลิวลอยฟ้าตกใส่รถพัง โผล่ร้องสื่อ หลังโทร.แจ้งประกันขณะประสบเหตุ แต่ถูกบอกให้กลับบ้านก่อน พบช่วงล่างผิดปกติหลังถูกเศษชิ้นส่วนปลิวตกใส่
วันนี้( 29 มี.ค.54 ) เวลา 20.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการประสาน ร้องเรียน จาก น.ส.สุภาพร ประทุมมา อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44/30 ซ.ประชาชื่น-นนทบุรี3 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ว่าจากกรณี อุบัติเหตุชนวินาศสันตะโร สยองบนทางด่วนมอเตอร์เวย์ เมื่อช่วงกลางดึก (02.30) คืนวันที่ 27 มี.ค.54 บริเวณหลัก กม.ที่ 53.5 บนถนนสาย 7 กรุงเทพฯ-พัทยา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย
มีรถยนต์ได้รับความเสียหายพังยับเยิน 2 คัน และยังมีรถยนต์ที่ขับผ่านไปมาระหว่างเกิดเหตุได้รับความเสียหายอีกเป็นจำนวนมากเนื่องจากมีเศษชิ้นส่วนของตัวรถ คันที่เกิดเหตุ ปลิวลอยมาตกใส่ ซึ่งรวม ถึงรถยนต์เก๋ง ฮอนด้า ซิตี้ สีขาว ทะเบียน ญจ-3268 กทม. ของตนเองด้วย ที่ได้รับความเสียหายจากการถูกเศษชิ้นส่วนของรถทั้งสองคัน ที่เกิดอุบัติเหตุชนท้ายกันจนทำให้เสียหลักพุ่งชนเข้ากับแท่งคอนกรีตกั้นทางด่วนไปตกยังด้านฝั่งตรงข้ามไกลหลายร้อยเมตรนั้น ปลิวลอยมาตกใส่ที่บริเวณใต้ท้องรถคันที่ตนขับมาด้วย
หลังประสบเหตุได้หยุดรถ และโทรศัพท์แจ้งบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง (สินทรัพย์ ประกันภัย) ที่ตนทำประกันไว้ขณะออกรถ ทางหมายเลข 1729 แต่ได้รับคำตอบจากทางปลายสายว่า หากรถยังขับได้ให้ออกจากที่เกิดเหตุ และรีบเดินทางกลับบ้านได้เลย ซึ่งขณะนั้นตนเองก็ยังงงอยู่เช่นเดียวกันว่าเหตุใดประกันภัยจึงไม่มาดูยังที่เกิดเหตุ จึงได้จอดรถรอเจ้าหน้าที่ อยู่ประมาณ 20 นาที ก่อนที่จะปรึกษากันกับเพื่อนที่เดินทางมาด้วยในรถคันเดียวกัน ทั้ง 4 คน และพากันเดินทางกลับเข้า กทม.
โดยขณะขับรถออกจากที่เกิดเหตุ ยังรู้สึกได้ทันทีว่ารถยนต์ของตนนั้นมีปัญหาที่บริเวณช่วงล่าง โดยเฉพาะเวลาเบรกนั้น จะมีเสียงดังออกมาจากใต้ท้องรถ และเมื่อติดต่อไปยัง บ.ประกันภัย อีกครั้ง ก็ได้รับคำตอบว่าจะให้เครมประกันภัยแบบไม่มีคู่กรณี ซึ่งความจริงแล้วมันเป็นอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี แต่ถูกบอกให้กลับก่อน และยังมาทราบจากข่าวผ่านทางสื่ออีกว่า ในที่เกิดเหตุนั้น เป็นอุบัติเหตุที่รุนแรง และในขณะที่ตนเองประสบเหตุนั้นยังมี รถยนต์อีกหลายคันประสบเหตุคล้ายกันกับตนด้วย อีก 3-4 คัน มากกว่าที่ถูกนำเสนอข่าว
โดยเฉพาะรถยนต์บางคันนั้น ซึ่งเป็นรถยนต์กระบะวีโก้ที่มีลักษณะ เป็นรถติดสัญญาณไฟฉุกเฉิน คล้ายกับรถของหน่วยกู้ภัย ที่ใช้เส้นทางผ่าน และขับมาด้วยความเร็วสูง ขณะประสบเหตุได้พยายามเบรกห้ามล้อเพื่อหยุดรถไม่ให้พุ่งชนเข้ากับชิ้นส่วนของรถที่ประสบอุบัติเหตุ จนทำให้ตัวรถกระแทกเข้ากับแท่งคอนกรีตกั้นทางและทำให้รถได้รับความเสียหายรุนแรงมากว่ารถยนต์ของตนอีกด้วย
วันนี้( 29 มี.ค.54 ) เวลา 20.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการประสาน ร้องเรียน จาก น.ส.สุภาพร ประทุมมา อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44/30 ซ.ประชาชื่น-นนทบุรี3 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ว่าจากกรณี อุบัติเหตุชนวินาศสันตะโร สยองบนทางด่วนมอเตอร์เวย์ เมื่อช่วงกลางดึก (02.30) คืนวันที่ 27 มี.ค.54 บริเวณหลัก กม.ที่ 53.5 บนถนนสาย 7 กรุงเทพฯ-พัทยา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย
มีรถยนต์ได้รับความเสียหายพังยับเยิน 2 คัน และยังมีรถยนต์ที่ขับผ่านไปมาระหว่างเกิดเหตุได้รับความเสียหายอีกเป็นจำนวนมากเนื่องจากมีเศษชิ้นส่วนของตัวรถ คันที่เกิดเหตุ ปลิวลอยมาตกใส่ ซึ่งรวม ถึงรถยนต์เก๋ง ฮอนด้า ซิตี้ สีขาว ทะเบียน ญจ-3268 กทม. ของตนเองด้วย ที่ได้รับความเสียหายจากการถูกเศษชิ้นส่วนของรถทั้งสองคัน ที่เกิดอุบัติเหตุชนท้ายกันจนทำให้เสียหลักพุ่งชนเข้ากับแท่งคอนกรีตกั้นทางด่วนไปตกยังด้านฝั่งตรงข้ามไกลหลายร้อยเมตรนั้น ปลิวลอยมาตกใส่ที่บริเวณใต้ท้องรถคันที่ตนขับมาด้วย
หลังประสบเหตุได้หยุดรถ และโทรศัพท์แจ้งบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง (สินทรัพย์ ประกันภัย) ที่ตนทำประกันไว้ขณะออกรถ ทางหมายเลข 1729 แต่ได้รับคำตอบจากทางปลายสายว่า หากรถยังขับได้ให้ออกจากที่เกิดเหตุ และรีบเดินทางกลับบ้านได้เลย ซึ่งขณะนั้นตนเองก็ยังงงอยู่เช่นเดียวกันว่าเหตุใดประกันภัยจึงไม่มาดูยังที่เกิดเหตุ จึงได้จอดรถรอเจ้าหน้าที่ อยู่ประมาณ 20 นาที ก่อนที่จะปรึกษากันกับเพื่อนที่เดินทางมาด้วยในรถคันเดียวกัน ทั้ง 4 คน และพากันเดินทางกลับเข้า กทม.
โดยขณะขับรถออกจากที่เกิดเหตุ ยังรู้สึกได้ทันทีว่ารถยนต์ของตนนั้นมีปัญหาที่บริเวณช่วงล่าง โดยเฉพาะเวลาเบรกนั้น จะมีเสียงดังออกมาจากใต้ท้องรถ และเมื่อติดต่อไปยัง บ.ประกันภัย อีกครั้ง ก็ได้รับคำตอบว่าจะให้เครมประกันภัยแบบไม่มีคู่กรณี ซึ่งความจริงแล้วมันเป็นอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี แต่ถูกบอกให้กลับก่อน และยังมาทราบจากข่าวผ่านทางสื่ออีกว่า ในที่เกิดเหตุนั้น เป็นอุบัติเหตุที่รุนแรง และในขณะที่ตนเองประสบเหตุนั้นยังมี รถยนต์อีกหลายคันประสบเหตุคล้ายกันกับตนด้วย อีก 3-4 คัน มากกว่าที่ถูกนำเสนอข่าว
โดยเฉพาะรถยนต์บางคันนั้น ซึ่งเป็นรถยนต์กระบะวีโก้ที่มีลักษณะ เป็นรถติดสัญญาณไฟฉุกเฉิน คล้ายกับรถของหน่วยกู้ภัย ที่ใช้เส้นทางผ่าน และขับมาด้วยความเร็วสูง ขณะประสบเหตุได้พยายามเบรกห้ามล้อเพื่อหยุดรถไม่ให้พุ่งชนเข้ากับชิ้นส่วนของรถที่ประสบอุบัติเหตุ จนทำให้ตัวรถกระแทกเข้ากับแท่งคอนกรีตกั้นทางและทำให้รถได้รับความเสียหายรุนแรงมากว่ารถยนต์ของตนอีกด้วย
