วางวิสัยทัศน์ "จังหวัดบึงกาฬ" สู่เมืองการค้าท่องเที่ยวชายแดน

หนองคาย - รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ แจงแนวทางปฏิบัติงานแก่ข้าราชการจังหวัดหนองคายที่ต้องเกลี่ยกำลังไปช่วยราชการจังหวัดบึงกาฬ ให้ทำงานสมกับการรอคอย ทั้งกำหนดวิสัยทัศน์นำบึงกาฬสู่เมืองท่องเที่ยว ค้าชายแดน และเกษตรยั่งยืน พร้อมเผย กกต.กลางเตรียมจัดหา กกต.จังหวัดรับการเลือกตั้ง

วันนี้ (24 มี.ค.54) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ห้องประชุม POC ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดหนองคาย นายสมพงษ์ อรุณโรจน์ปัญญา รักษาราชการผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ได้เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดหนองคาย เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจและมอบนโยบายการปฏิบัติงานกับข้าราชการ พนักงาน และบุคลากรของหน่วยงานราชการต่างๆ ในจังหวัดหนองคาย ที่จะไปช่วยราชการที่จังหวัดบึงกาฬ เพื่อให้บริการประชาชนชาวจังหวัดบึงกาฬก่อนที่จะมีการเปิดกรอบอัตราเจ้าหน้าที่ของจังหวัดบึงกาฬอย่างเพียงพอ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกหลังจากที่จังหวัดบึงกาฬได้จัดตั้งเป็นจังหวัดใหม่ที่ 77 ของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

นายสมพงษ์ อรุณโรจน์ปัญญา รักษาราชการผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ สิ่งแรกที่จะทำคือการทำความเข้าใจกับส่วนราชการที่จะส่งข้าราชการและเจ้าหน้าที่มาประจำที่จังหวัดบึงกาฬต้องหาสถานที่ทำงานชั่วคราวให้ เพราะศาลากลางจังหวัดบึงกาฬยังไม่ก่อสร้าง ต้องใช้ที่ว่าการอำเภอเมืองบึงกาฬเป็นสถานที่ทำงานชั่วคราวก่อน

โดยส่วนราชการทุกหน่วยงานต้องจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปให้ครบทุกกระทรวง ซึ่งอาจเช่าที่เอกชน หรือหาสถานที่เหมาะสมทำเป็นสำนักงานให้เร็วที่สุดเพื่อบริการประชาชน ส่วนปริมาณเจ้าหน้าที่อาจจะยังไม่ครบจำนวน แต่ต้องสามารถปฏิบัติงานได้ทันที แม้จะมีคนเต็มใจและไม่เต็มใจ แต่ต้องเห็นใจว่าชาวบึงกาฬ รอคอยการเป็นจังหวัดบึงกาฬมานานหลายสิบปี ข้าราชการทุกคนต้องช่วยกันทำความฝันของชาวบ้านให้มีความสุข ทำหน้าที่ของการเป็นข้าราชการให้เต็มภาคภูมิใจ

นายสมพงษ์ กล่าวถึงวิสัยทัศน์จังหวัดบึงกาฬว่า หลังจากที่ศึกษาข้อมูลทุกด้านแล้ว พบว่า บึงกาฬ เหนือสุดยอดแดนอีสาน อากาศ บรรยากาศ อาหาร สถานที่ เหมาะสำหรับการเป็นแหล่งท่องเที่ยว การค้าชายแดนและการเกษตร เป็นจุดแข็งจังหวัดบึงกาฬ

โดยเฉพาะยางพารา มีพื้นที่ปลูกยางพารามาก จะต้องพิจารณาว่ามูลค่าของพืชเศรษฐกิจเหล่านี้ หลังจากตัดแบ่งจากจังหวัดหนองคายแล้วจะมีมูลค่าเท่าใด จะต้องหารือกับทุกภาคส่วนใน 8 อำเภอมาร่วมวางยุทธศาสตร์ และทำแผนพัฒนาจังหวัดบึงกาฬ เพื่อขอรับงบประมาณให้ทันในปีงบประมาณ 2555 จะมุ่งมั่นให้จังหวัดบึงกาฬเป็นสถานที่สุขสงบ มีความน่าอยู่ น่าเที่ยวทั้งคนไทยและของทุกคนทั่วโลก

กรณีงานทะเบียนราษฎร์ ทั้งการทำบัตรประจำตัวประชาชน หรือการแจ้งเกิด ที่มีประชาชนส่วนหนึ่งต้องการให้มีรายชื่อระบุในบัตรว่าเป็นจังหวัดบึงกาฬนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากยังไม่มีการปรับแก้กฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้อง ต้องแก้ระบบคอมพิวเตอร์ในส่วนกลางก่อน จึงไม่สามารถให้บริการทะเบียนราษฎร์ดังกล่าวได้ คาดว่าใช้เวลาแก้ไขไม่นาน

สำหรับการเลือกตั้ง ส.ส. ในเขตเลือกตั้งที่ 2 ของจังหวัดหนองคายเดิม ส.ส.เขต 2 หนองคายจะกลายเป็น ส.ส.บึงกาฬ สำหรับ ส.ว.นั้น จังหวัดบึงกาฬสามารถส่งรายชื่อบุคคลเข้ารับการคัดสรรเป็น ส.ว.สรรหา ได้ทันเดือนเมษายนนี้เช่นเดียวกับ 76 จังหวัดทั่วประเทศ

ส่วน ส.อบจ.ใน 8 อำเภอของจังหวัดบึงกาฬก็จะเป็น ส.อบจ.หนองคาย และ ส.อบจ.บึงกาฬ ทำหน้าที่ 2 จังหวัดไปพลางก่อน ภายใน 120 วันจะพิจารณาระเบียบการจัดตั้ง อบจ.บึงกาฬ ว่าขนาดจังหวัดควรมีจำนวน ส.อบจ.เท่าใด ก็ต้องเลือกตั้งให้ได้จำนวนเท่าที่กำหนด ส่วน นายก อบจ.บึงกาฬ จะมีการเลือกตั้งตามกฎหมายในคราวเดียวกัน ขณะนี้ได้รับการประสานงานจาก กกต.ส่วนกลางว่า กำลังพิจารณาจัดตั้ง กกต.จังหวัดบึงกาฬเพื่อมาดำเนินการเลือกตั้งในเขตจังหวัดบึงกาฬ

รักษาราชการผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวอีกว่า สำหรับคำขวัญประจำจังหวัดบึงกาฬ ในช่วงแรก จะใช้คำขวัญอำเภอบึงกาฬไปก่อน คือ “สองนางศาลศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์หลวงพ่อใหญ่ แหล่งน้ำใสหนองกุดทิง สุดใหญ่ยิ่งแข่งเรือยาว หาดทรายขาวเป็นสง่า น่าทัศนาแก่งอาฮง งามฝั่งโขงที่บึงกาฬ” หลังจากนั้นจะมีการหารือกับ 7 อำเภอว่ามีของดีที่โดดเด่นมาปรับให้เป็นคำขวัญประจำจังหวัดบึงกาฬให้ครอบคลุมในอนาคต

สำหรับจังหวัดบึงกาฬ มีทั้งหมด 8 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองบึงกาฬ , อ.ปากคาด , อ.โซ่พิสัย , อ.ศรีวิไล , อ.พรเจริญ , อ.บึงโขงหลง  และ อ.บุ่งคล้า 53 ตำบล 615 หมู่บ้าน มีประชากรทั้งสิ้น 388,680 คน เนื้อที่ 4,305 ตารางกิโลเมตร มีความยาวตามลำน้ำโขง 120 กิโลเมตร และอยู่ตรงข้ามกับเมืองปากซัน แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว จะต้องมีอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ข้าราชการส่วนภูมิภาค ระดับจังหวัด 33 หน่วยงาน 16 กระทรวง บุคลากรเพิ่มทั้งหมด 439 คน ซึ่งยังไม่เพียงพอ จึงต้องจัดสรรจากจังหวัดหนองคายไปช่วยราชการเป็นการชั่วคราว