เพชรบุรี - หวิดปะทะระหว่างกลุ่มนายทุนบริษัท ชะอำ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่พาการ์ดชุดดำนับร้อยคนบุกเข้าเตรียมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ชุมชนสะพานหิน อำเภอชะอำ เพชรบุรี กับกลุ่มชาวบ้านนับร้อยคนที่รวมตัวกันปกป้องพื้นที่สุดชีวิต ก่อนที่จะเจรจาตกลงกันได้
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (24 มี.ค.) ที่บริเวณหน้าร้านอาหารชมวิวซีฟู๊ด พื้นที่ชุมชนสะพานหิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ในขณะที่การ์ดชุดดำนับร้อยคนของกลุ่มนายทุน บริษัท ชะอำ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้เดินเข้ามาเพื่อจะทำการรื้อถอนบ้านพักและร้านอาหารภายในพื้นที่ชุมชนสะพานหิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี พร้อมกับนำรถแบ็กโฮเข้ามาเพื่อเตรียมเข้าทำลายรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง อันเป็นพื้นที่ที่ศาลตัดสินให้เป็นพื้นที่ของบริษัทดังกล่าวได้มีกลุ่มชาวบ้านนับร้อยคนที่ทราบข่าวว่า กลุ่มนายทุนจะเข้ามาทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ ต่างแสดงความไม่พอใจ และได้ออกมาร่วมตัวกันต่อต้าน เพื่อไม่ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่มีทั้งบ้านพักและร้านอาหารจนหวิดปะทะกันกลางชุมชน
ก่อนที่เหตุจะบานปลาย นายสหวัฒน์ จรูญจิตไพรัช เจ้าของร้านชมวิวซีฟู๊ด ได้เป็นตัวแทนชาวบ้านเข้าไปเจรจาพูดคุยกับกลุ่มนายทุน เพื่อขอผ่อนปรนในการรื้อถอน โดยชาวบ้านได้บอกกับกลุ่มนายทุนว่าจะทำการรื้อถอนเอง ซึ่งกลุ่มนายทุนได้ออมชอมยินยอมให้ และขยายเวลาให้จนถึงวันที่ 7 เมษายน ที่จะถึงนี้ พร้อมกับถอนชุดกำลังและการ์ดนับร้อยคนกลับไป โดยไม่มีเหตุการณ์ปะทะระหว่างกลุ่มชาวบ้านและกลุ่มนายทุนเกิดขึ้น
สำหรับพื้นที่ดังกล่าวชาวบ้านอ้างว่าเดิมเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านใช้ร่วมกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2526 โดยมีหลักฐานทางเทศบาลตำบลชะอำในสมัยนั้น ได้จัดงบประมาณก่อสร้าง ซึ่งชาวบ้านเคยร้องเรียนให้มีการสอบสวน รวมทั้งขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลงออกมาแล้วหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล อีกทั้งเกิดเป็นข้อพิพาทมายาวนาน โดยทางบริษัทอ้างว่าเป็นของตนเอง พร้อมมีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดินมาแสดง แต่ถูกชาวบ้านซึ่งถือเป็นผู้บุกรุกเข้ามาทำประโยชน์
ทั้งนี้ กรณีพิพาทดังกล่าวได้เข้าสู่ขบวนการศาลแพ่ง ศาลพิพากษาตัดสินให้ฝ่ายนายทุน บริษัท ชะอำ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้ครอบครองสิทธิ์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยหลังจากศาลพิพากษาแล้ว ทางบริษัทจะเข้ามาทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป แต่ชาวบ้านไม่ยินยอม เนื่องจากได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองเพื่อขอคุ้มครองฉุกเฉินและรอให้อำนาจของศาลปกครองออกมาก่อนว่าจะคุ้มครองกลุ่มชาวบ้านได้หรือไม่
พร้อมกล่าวอ้างว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่งอกและชาวบ้านได้เข้ามาจับจองเป็นพื้นที่ทำกินมานานหลายสิบปีแล้ว ส่วนพื้นที่ของนายทุนอยู่ฝั่งตรงกันข้าม แต่ทำไมถึงได้มารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งได้
ทั้งนี้ เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มนายทุนกลุ่มนี้ได้เข้ามารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เป็นเพิงขายอาหารของ นางยืน ชูยิ่ง ไปแล้ว 1 หลัง พร้อมกับมีการนำป้ายมีข้อความเขียนระบุว่าที่ดินแปลงนี้เป็นของบริษัท ชะอำฯ ห้ามผู้ใดบุกรุก ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย