สุรินทร์- เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้าน 2 ชั้น วอดทั้งหลัง พร้อมทรัพย์สินเสียหายทั้งหมด เจ้าของบ้านสิ้นเนื้อประดาตัว ขนสิ่งของหนีไฟไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียว เบื้องต้นคาดไฟฟ้าลัดวงจร ประกอบกับสภาพอากาศร้อนแห้งแล้ง ไฟจึงโหมลุกไหม้อย่างรวดเร็ว จนท.ไม่สามารถดับได้ทัน
วันนี้ (23 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ร.ต.ท.บุรัชกร ลาผ่าน พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองสุรินทร์ ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้ บ้านพักอาศัยของประชาชน ที่บ้านหนองบัง ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ จึงได้แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และประสานงานขอสนับสนุนรถดับเพลิง จากเทศบาลเมืองสุรินทร์, องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุรินทร์ และ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) คอโค อ.เมือง จ.สุรินทร์ พ้อมด้วยอาสาสมัครกู้ภัยสุรินทร์ รุดไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประกิจ เหลืองวิลัย รองผู้กำกับการ (รองผกก.) สภ.เมืองสุรินทร์
ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านขนาด 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไหม้ ของ นางผัน ราย อายุ 65 ปี บ้านเลขที่ 465 หมู่ที่ 21 บ้านหนองบัว ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เพลิงกำลังโหมลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นบ้านตั้งอยู่ในที่โล่งแจ้งกลางทุ่งนา ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งลมกระโชกแรง เจ้าหน้าที่พยายามระดมเข้าฉีดน้ำแต่ไม่สามารถสกัดเพลิงไว้ได้ ซึ่งใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงไฟได้ไหม้เผาผลาญบ้านเรือนลงหมดทั้งหลัง พร้อมด้วยทรัพย์สินสิ่งของมีค่าถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด โดยเจ้าของบ้านไม่สามารถนำเอาทรัพย์สินออกมาจากตัวบ้านได้แม้แต่ชิ้นเดียว
นายอภินันท์ ราย อายุ 30 ปี ลูกชายเจ้าของบ้าน บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ไฟได้ลุกไหม้จากชั้นบนของบ้าน ซึ่งช่วงเกิดเหตุมีตน พร้อมด้วยแม่ และหลาน นั่งเล่นกันอยู่บริเวณชั้นล่าง โดยไม่ทราบว่าเกิดไฟไหม้บ้าน มารู้เอาตอนที่มีเศษไม้ติดไฟหล่นลงมาจากชั้น 2 ของบ้านมาถูกสุนัข ที่นอนอยู่ พอพวกตนจะพากันช่วยกันดับไฟ แต่ก็ไม่ทันการณ์แล้ว เพราะไฟได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ทรัพย์สิ่งของมีค่าภายในบ้านก็ขนออกมาไม่ทันถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด
ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรจากสายไฟฟ้าที่ต่อเข้าสู่ตัวบ้านเพราะช่วงเกิดเหตุไม่ได้มีการจุดธูปเทียน และไม่มีใครอยู่ชั้นบนของบ้านที่เป็นต้นเพลิง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ได้เดินทางมาพิสูจน์หลักฐาน เพื่อหาสาเหตุของการเกิดไฟไหม้บ้านในครั้งนี้ต่อไป ส่วนมูลค่าความเสียหายประเมินเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท