xs
xsm
sm
md
lg

ภาค 3 ร่วม ตร.บุรีรัมย์บุกจับปั๊มน้ำมันเถื่อน พร้อมของกลางกว่าหมื่นลิตร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชุดปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงตำรวจภูธรภาค 3 ร่วม ตร.บุรีรัมย์  และสรรพสามิต บุกจับปั๊มน้ำมันเถื่อน พร้อมของกลางน้ำมันเบนซินและดีเซล กว่า 1 หมื่นลิตร วันนี้ (17 มี.ค.)
บุรีรัมย์ - ชุดปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง ตำรวจภาค 3 ร่วม ตร.บุรีรัมย์ และสรรพสามิต บุกจับปั๊มน้ำมันเถื่อน ลักลอบบรรจุขวดและแกลลอนส่งขายหลายจังหวัดภาคอีสาน ได้ของกลางน้ำมันดีเซลและเบนซินกว่า 1 หมื่นลิตร เตรียมขยายผลจับปั๊มเครือข่าย

ช่วงบ่ายวันนี้ (17 มี.ค.) พล.ต.ต.กรกต สาริยา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (รองผบช.ภ.3) ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบัติ คงพิบูลย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์, พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย หัวหน้าชุดปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงตำรวจภูธรภาค 3, ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจ.บุรีรัมย์, ตำรวจ สภ.นางรอง และเจ้าหน้าที่สรรพสามิต ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายอนุชิต แก้วมหาวงศ์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 153 หมู่ 15 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร พร้อมพวกอีก 7 คน อายุระหว่าง 25-40 ปี ได้ที่บริเวณปั๊มน้ำมันไม่มีชื่อ บนถนนสายโชคชัย-เดชอุดม ระหว่างกิโลเมตรที่ 59-60 ตั้งอยู่เลขที่ 140 ม.3 บ.หนองถั่วแปบ ต.หัวถนน อ.นางรอง

พร้อมของกลางรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ สีเขียว หมายเลขทะเบียน บธ 543 ร้อยเอ็ด รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ ดีโฟร์ดี สีขาว หมายเลขทะเบียน ผค 806 ขอนแก่น รถยนต์ซูซูกิ แครี่ สีขาว หมายเลขทะเบียน บบ 4818 ร้อยเอ็ด และ น้ำมันเบนซิน 91 จำนวน 6,200 ลิตร น้ำมันดีเซล จำนวน 4,000 ลิตร อุปกรณ์หัวจ่ายน้ำมัน และขวดบรรจุ พร้อมสลากสติกเกอร์ จำนวนมาก

ทั้งนี้ จากการสืบทราบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า มีการลักลอบขายและเปิดปั๊มน้ำมัน โดยไม่ได้รับอนุญาตที่บริเวณปั๊มน้ำมันดังกล่าว จึงรายงานให้ พล.ต.ต.กรกต สาริยา รองผบช.ภ. 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงตำรวจภูธรภาค 3 และ พล.ต.ต.สมบัติ คงพิบูลย์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ทราบ

จากนั้น พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย หัวหน้าชุดปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงตำรวจภูธร ภาค 3 จึงได้นำกำลังตำรวจเข้าตรวจสอบภายในปั๊มดังกล่าว พบว่า กำลังมีการก่อสร้างปรับปรุงเพื่อเปิดเป็นปั๊มน้ำมัน โดยมี นายอนุชิต แก้วมหาวงศ์ อายุ 36 ปี มาเช่าเปิดเป็นปั๊มน้ำมัน รับเป็นเจ้าของพร้อมลูกจ้างอีก 7 คน รถยนต์ 3 คัน มีการต่อโครงหลังคา ที่กระบะท้ายพบน้ำมันเบนซิน 91 และน้ำมันดีเซล บรรจุขวดใส่กล่องจำนวนมาก นับรวมได้ 2,734 ขวด

นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งถังน้ำมันใต้ดิน ถังขนาดใหญ่หลังปั๊ม และที่ตู้หัวจ่ายน้ำมัน ซึ่งรวมปริมาณน้ำมันที่ตรวจพบครั้งนี้ จำนวน 12,000 ลิตร แยกเป็นน้ำมันเบนซิน 91จำนวน 6,200 ลิตร น้ำมันดีเซล จำนวน 4,000 ลิตรและยังมีสติ๊กเกอร์ของ ร้าน อ.เจริญออยส์ ตั้งอยู่เลขที่ 417 หมู่ที่ 12 บ.บัวขาว ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ และ แผ่นพลาสติกสีที่ใช้หุ้มปากขวดน้ำมัน จำนวนมาก

สอบถาม นายอนุชิต แก้วมหาวงศ์ รับเป็นเจ้าของ มาเช่าเปิดปั๊มน้ำมัน สารภาพว่า ตนพร้อมลูกจ้าง 7 คน ได้มาเช่าปั๊มน้ำมันแห่งนี้เมื่อวันที่ 15 มี.ค.54 โดยย้ายมาจาก อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา เพื่อเปิดขายน้ำมันทั้งปลีกและส่งในเขตพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ และใกล้เคียง ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงปั๊ม เพราะเป็นปั๊มร้างมาก่อน เช่าในราคาเดือนละ 6,000 บาท ได้ลงทุนค่าทำถังน้ำมันใต้ดินไป 60,000 บาท ขณะกำลังขนย้ายน้ำมันที่บรรจุขวดมายังปั๊มแห่งนี้ และได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบและจับกุมดังกล่าว

นายอนุชิต เล่าต่อว่า ได้เปิดให้บริการขายน้ำมันบรรจุขวดและแกลลอน มา 3-4 ปี โดยเริ่มทำที่ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ แล้วขยายไปที่ อ.โพนยางคำ จ.สกลนคร และ อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา แค่เสียค่าเช่าที่แพงจึงตัดสินในย้ายมาที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ โดยไปรับน้ำมันมาจากโรงกลั่นน้ำมัน ไออาร์ พีซีที. ที่จ.ระยอง ครั้งละ 40,000 ลิตร ลงที่ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ก่อนจะกระจายไปตามปั๊มสาขาต่างๆ ซึ่งจะมีรถปิกอัพ จำนวน 11 คัน บรรทุกน้ำมันที่บรรจุใส่ขวดแยกตามปริมาณ โดยมีสติ๊กเกอร์สีติดที่ขวดบอกปริมาณและราคาชัดเจน ขายส่งตั้งแต่ราคา 17-30 บาท หากชาวบ้านซื้อไปขายจะอยู่ที่ราคา 20-40 บาท ซึ่งการขายจะแยกตามสีและปริมาณน้ำมันที่บรรจุในขวด

จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการอายัดของกลางทั้งน้ำมันเบนซิน 91 และน้ำมันดีเซล จำนวน 12,000 ลิตร มูลค่ากว่า 500,000 บาท อุปกรณ์ในการบรรจุ และรถยนต์ที่ใช้ในการบรรทุกน้ำมันออกจำหน่ายไว้เป็นหลักฐาน พร้อมได้ควบคุมตัว นายอนุชิต แก้วมหาวงศ์ อายุ 36 ปี เจ้าของ และลูกจ้างอีก 7 คน ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.นางรอง ไว้สอบสวนดำเนินคดี

โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “ประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต และประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต” ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่าน้ำมันดังกล่าวมีการปลอมปน ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีก

ด้าน พล.ต.ต.กรกต สาริยา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3 กล่าวว่า จากการสอบสวนนายอนุชิต เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่า ได้ไปรับซื้อน้ำมันมาจากโรงกลั่นที่ จ.ระยอง ครั้งละ 40,000 ลิตร จากนั้นจะนำมาบรรจุใส่ขวดและแกลลอนกระจายส่งขายตามจังหวัดต่างๆ ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน ทำมาแล้วร่วม 4 ปี

ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าหลังน้ำมันมีราคาแพง ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ทางตำรวจภูธรภาค 3 ได้มีการตรวจจับน้ำมันเถื่อนได้กว่า 90 ราย ส่วนที่จับกุมได้ในครั้งนี้ก็จะมีการขยายผลจับกุมเครือข่ายที่รับน้ำมันไปจำหน่ายด้วย เพราะถือเป็นการทำลายระบบเศรษฐกิจของประเทศ


พล.ต.ต.กรกต สาริยา รอง ผบช.ภ.3


นายอนุชิต แก้วมหาวงศ์ ผู้ต้องหา พร้อมพวกอีก 7 คน
นายอนุชิต แก้วมหาวงศ์ ผู้ต้องหา



กำลังโหลดความคิดเห็น