ชาวบ้านบุรีรัมย์หาเก็บ “รังผึ้ง” ป่าขายสร้างรายได้ฝ่าวิกฤตหน้าแล้ง

บุรีรัมย์ - ชาวบ้านและเกษตรกร ต.หนองขมาร อ.คูเมือง หลายสิบรายใช้เวลาที่ว่างเว้นจากการทำนา ประกอบกับประสบภัยแล้งไม่มีน้ำทำการเกษตร ออกหารังผึ้งจากป่าท้ายหมู่บ้านเพื่อนำเอารังและน้ำผึ้งมาขายให้กับผู้ที่สัญจรผ่านมาไปมา บริเวณริมถนนสาย อ.คูเมือง-พุทไธสง สร้างรายได้ให้กับครอบครัวอย่างงาม ไม่ต่ำกว่าวันละ 1-2 พันบาท

วันนี้ (17 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีชาวบ้านและเกษตรกรที่บ้านหนองหว้า ต.หนองขมาร อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ หลายสิบรายที่ประกอบอาชีพทำนาและทำสวนผัก ได้ใช้เวลาที่ว่างเว้นหลังจากฤดูกาลทำนา ปลูกผัก เนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้งขาน้ำเพื่อการเกษตรได้รวมตัวกันออกหาเก็บรังผึ้งป่าที่ทำรังอยู่ตามต้นไม้ในบริเวณป่าท้ายหมู่บ้าน

เช่น ป่าทำเล สวนป่าดงเค็ง ซึ่งเป็นป่าที่มีสภาพค่อนข้างจะอุดมสมบูรณ์เพื่อนำรังผึ้งและน้ำผึ้ง มาวางจำหน่ายบริเวณสองข้างทางของถนนสาย อ.คูเมือง - อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ให้กับประชาชน นักท่องเที่ยวและผู้ที่สัญจรผ่านไป-มา ในเส้นทางดังกล่าว

โดยมีประชาชนที่สัญจรผ่านไป-มาในบริเวณดังกล่าว สนใจเลือกซื้อรังผึ้งและน้ำผึ้ง เพื่อนำไปรับประทานหรือเป็นของฝาก กันอย่างไม่ขาดสาย ทำให้ชาวบ้านและเกษตรกรที่นำรังผึ้งและน้ำผึ้ง มาวางจำหน่ายตามสองข้างทางดังกล่าว มีรายได้เฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 1,000-2,000 บาท

น.ส.สายชล แดนสารัมย์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ที่ 10 บ้านหนองหว้า ต.หนองขมาร อ.คูเมือง กล่าวว่า สาเหตุที่ไปเก็บรังผึ้งและน้ำผึ้งมาจำหน่ายในครั้งนี้ เนื่องจากคุณภาพของน้ำผึ้งในช่วงนี้ เป็นน้ำผึ้งที่มีคุณภาพดีกว่าทุกช่วง คือ ระหว่างเดือน 4 เดือน 5 น้ำผึ้งจะมีคุณภาพดีมาก เหมาะแก่การนำไปรับประทานหรือนำไปเป็นส่วนประกอบของการทำยา

โดยผู้ที่มาซื้อน้ำผึ้งส่วนมาก บอกว่าน้ำผึ้งช่วงเดือน 4 เดือน 5 นี้คุณภาพดีและเป็นน้ำผึ้งของแท้ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะนำไปรับประทาน และนำไปเป็นส่วนผสมของยารักษาโรค รวมถึงนำไปเป็นส่วนประกอบของยาบำรุงของไก่ชนด้วย

“ในวันๆ หนึ่ง จะสามารถหารังผึ้งได้หลายสิบรัง ซึ่งมีตั้งแต่รังขนาดเท่ากำปั้นมือเด็ก ไปจนถึงรังขนาดใหญ่เท่า 2 ฝ่ามือ ส่วนราคาก็จะขายตั้งแต่ 5 บาท ไปจนถึงหลักร้อยบาท สามารถขายมีรายได้เฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 1-2 พันบาท” น.ส.สายชล กล่าว