จันทบุรี - อบจ.จันทบุรี เตรียมทุ่มงบ 30 ล้านบาทซื้อผลไม้เกษตรกร ราคานำตลาด ป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาดราคาตกต่ำ คาดผลผลิตมังคุดมีแนวโน้มลดลง ทุเรียน เงาะ ลองกองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า จากการคาดการณ์ผลผลิตผลไม้เศรษฐกิจของจังหวัดจันทบุรีในปีนี้ พบว่า ผลผลิตมังคุดมีปริมาณลดลงจากปีที่แล้วเนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ส่วนทุเรียน เงาะ ลองกองมีปริมาณเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ผลผลิตจะไม่ออกมาประดังกัน โดยคาดการณ์ว่า ทุเรียน ปีนี้จะให้ผลผลิตประมาณ 217,685 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 2.99 จากพื้นที่ปลูก 184,895ไร่ โดยจะออกมากสุดช่วงต้นเดือนพฤษภาคม
ส่วนปริมาณ เงาะ คาดว่า จะให้ผลผลิตประมาณ 129,340 ตันเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วคิดเป็นร้อยละ1.96 จากพื้นที่ปลูก 103,326 ไร่ คาดการณ์ออกมากสุดในช่วงปลายเดือนมิถุนายน มังคุด คาดว่าจะให้ผลผลิตประมาณ 78,770 ตัน ผลผลิตลดลงจากปีที่แล้วคิดเป็นร้อยละ 11.94 จากพื้นที่ปลูก144,396 ไร่ ออกมากสุดประมาณ ต้นเดือนมิถุนายน ลองกอง คาดว่าจะมีปริมาณออกสู่ตลาดประมาณ 54,600 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วคิดเป็นร้อยละ 2.78 จากพื้นที่ปลูก 98,691 ไร่ ออกมากสุดประมาณปลายเดือนพฤษภาคม
อย่างไรก็ตาม จังหวัดจันทบุรี ได้เตรียมพร้อมกระจายผลผลิตของเกษตรกรไปสู่ตลาดปลายทางแล้วทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมทั้งผู้ประกอบการส่งออก โดยขณะนี้มียอดสั่งผลไม้เข้ามาแล้วมากกว่า 1 หมื่นตัน คาดผลไม้ปีนี้ของเกษตรกรจะมีราคาดีและจะกระจายได้รวดเร็วไม่ประสบปัญหาผลผลิตล้นตลาด และในวันศุกร์ที่ 25 มีนาคมนี้ จังหวัดจันทบุรีจะทำ MOU กับผู้ประกอบการ ตลาดค้าส่ง - ค้าปลีก 11 จังหวัด รวมทั้งผู้ประกอบการค้าเครือข่าย ธ.ก.ส.ทั่วประเทศ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมกระจายสินค้าของเกษตรกรสู่ผู้บริโภค
ด้านนายธนภณ กิจกาญจน์ นายก อบจ.จันทบุรี เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผลผลิตผลไม้ของเกษตรกรในจังหวัดจันทบุรีจะออกสู่ตลาดปีนี้ อบจ.จันทบุรี ได้วางแผน เตรียมพร้อมป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาดราคาตกต่ำแล้ว โดยสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรีได้อนุมัติเงินเพื่อใช้ในการซื้อผลผลิตของเกษตรกร เบื้องต้นจำนวน 30 ล้านบาท โดยกำหนดจุดรับซื้อผลไม้ที่บริเวณสถานที่ก่อสร้าง ศูนย์ราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี แยกคลองทราย ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง ริมถนนสุขุมวิทและจะเริ่มซื้อผลไม้ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล ประมาณเดือนเมษายน เป็นต้นไป
ทั้งนี้ อบจ.จันทบุรี ได้ทำ MOU กับผู้ส่งออกผลไม้ที่เป็นผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อกระจายผลผลิตออกจากจังหวัดจันทบุรี ไปสู่ตลาดปลายทาง เช่น เวียดนาม จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น มาเลเซีย กัมพูชา และมีจำนวนออเดอร์สั่งสินค้ามากกว่าปีที่ผ่านมา หลายเท่าตัว อันจะส่งผลให้เกษตรกรในจังหวัดจันทบุรีจำหน่ายสินค้าได้ราคาที่สูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม อบจ.จันทบุรีขอให้เกษตรกรรักษาคุณภาพาสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานตามที่ตลาดต้องการ
สำหรับสถิติในปีที่ผ่านมา ช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม 2553 ซึ่งเป็นช่วงที่ผลไม้ของเกษตรกรจังหวัดจันทบุรีออกสู่ตลาดมากที่สุด อบจ.จันทบุรีได้เปิดจุดรับซื้อมังคุดแทรกแซงราคาตลาด รวมระยะเวลา 30 วันมีเกษตรกรนำผลผลิตออกมาจำหน่ายรวมประมาณ 1,500,000 กิโลกรัม
การดำเนินโครงการดังกล่าว สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ระดับหนึ่ง แต่ปีนี้การเตรียมตัว วางแผนโครงการเป็นไปอย่างรอบคอบ และจะเริ่มโครงการแต่เนิ่น ๆ ซึ่งจะส่งผลดีแก่เกษตรกรด้านราคาผลผลิต
อีกทั้งปีนี้ อบจ.จันทบุรีได้สั่งซื้อเครื่องคัดแยกมังคุดมาใช้ในการคัดแยกผลผลิตของเกษตรกรให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ตลาดต้องการ และจะช่วยให้การกระจายผลผลิตเป็นไปอย่างรวดเร็ว ส่วนทุเรียน เงาะ และลองกอง อบจ.ได้วางแผนเตรียมพร้อมแล้วหากมีปัญหาผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ จะรีบดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรโดยทันที
นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า จากการคาดการณ์ผลผลิตผลไม้เศรษฐกิจของจังหวัดจันทบุรีในปีนี้ พบว่า ผลผลิตมังคุดมีปริมาณลดลงจากปีที่แล้วเนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ส่วนทุเรียน เงาะ ลองกองมีปริมาณเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ผลผลิตจะไม่ออกมาประดังกัน โดยคาดการณ์ว่า ทุเรียน ปีนี้จะให้ผลผลิตประมาณ 217,685 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 2.99 จากพื้นที่ปลูก 184,895ไร่ โดยจะออกมากสุดช่วงต้นเดือนพฤษภาคม
ส่วนปริมาณ เงาะ คาดว่า จะให้ผลผลิตประมาณ 129,340 ตันเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วคิดเป็นร้อยละ1.96 จากพื้นที่ปลูก 103,326 ไร่ คาดการณ์ออกมากสุดในช่วงปลายเดือนมิถุนายน มังคุด คาดว่าจะให้ผลผลิตประมาณ 78,770 ตัน ผลผลิตลดลงจากปีที่แล้วคิดเป็นร้อยละ 11.94 จากพื้นที่ปลูก144,396 ไร่ ออกมากสุดประมาณ ต้นเดือนมิถุนายน ลองกอง คาดว่าจะมีปริมาณออกสู่ตลาดประมาณ 54,600 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วคิดเป็นร้อยละ 2.78 จากพื้นที่ปลูก 98,691 ไร่ ออกมากสุดประมาณปลายเดือนพฤษภาคม
อย่างไรก็ตาม จังหวัดจันทบุรี ได้เตรียมพร้อมกระจายผลผลิตของเกษตรกรไปสู่ตลาดปลายทางแล้วทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมทั้งผู้ประกอบการส่งออก โดยขณะนี้มียอดสั่งผลไม้เข้ามาแล้วมากกว่า 1 หมื่นตัน คาดผลไม้ปีนี้ของเกษตรกรจะมีราคาดีและจะกระจายได้รวดเร็วไม่ประสบปัญหาผลผลิตล้นตลาด และในวันศุกร์ที่ 25 มีนาคมนี้ จังหวัดจันทบุรีจะทำ MOU กับผู้ประกอบการ ตลาดค้าส่ง - ค้าปลีก 11 จังหวัด รวมทั้งผู้ประกอบการค้าเครือข่าย ธ.ก.ส.ทั่วประเทศ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมกระจายสินค้าของเกษตรกรสู่ผู้บริโภค
ด้านนายธนภณ กิจกาญจน์ นายก อบจ.จันทบุรี เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผลผลิตผลไม้ของเกษตรกรในจังหวัดจันทบุรีจะออกสู่ตลาดปีนี้ อบจ.จันทบุรี ได้วางแผน เตรียมพร้อมป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาดราคาตกต่ำแล้ว โดยสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรีได้อนุมัติเงินเพื่อใช้ในการซื้อผลผลิตของเกษตรกร เบื้องต้นจำนวน 30 ล้านบาท โดยกำหนดจุดรับซื้อผลไม้ที่บริเวณสถานที่ก่อสร้าง ศูนย์ราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี แยกคลองทราย ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง ริมถนนสุขุมวิทและจะเริ่มซื้อผลไม้ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล ประมาณเดือนเมษายน เป็นต้นไป
ทั้งนี้ อบจ.จันทบุรี ได้ทำ MOU กับผู้ส่งออกผลไม้ที่เป็นผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อกระจายผลผลิตออกจากจังหวัดจันทบุรี ไปสู่ตลาดปลายทาง เช่น เวียดนาม จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น มาเลเซีย กัมพูชา และมีจำนวนออเดอร์สั่งสินค้ามากกว่าปีที่ผ่านมา หลายเท่าตัว อันจะส่งผลให้เกษตรกรในจังหวัดจันทบุรีจำหน่ายสินค้าได้ราคาที่สูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม อบจ.จันทบุรีขอให้เกษตรกรรักษาคุณภาพาสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานตามที่ตลาดต้องการ
สำหรับสถิติในปีที่ผ่านมา ช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม 2553 ซึ่งเป็นช่วงที่ผลไม้ของเกษตรกรจังหวัดจันทบุรีออกสู่ตลาดมากที่สุด อบจ.จันทบุรีได้เปิดจุดรับซื้อมังคุดแทรกแซงราคาตลาด รวมระยะเวลา 30 วันมีเกษตรกรนำผลผลิตออกมาจำหน่ายรวมประมาณ 1,500,000 กิโลกรัม
การดำเนินโครงการดังกล่าว สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ระดับหนึ่ง แต่ปีนี้การเตรียมตัว วางแผนโครงการเป็นไปอย่างรอบคอบ และจะเริ่มโครงการแต่เนิ่น ๆ ซึ่งจะส่งผลดีแก่เกษตรกรด้านราคาผลผลิต
อีกทั้งปีนี้ อบจ.จันทบุรีได้สั่งซื้อเครื่องคัดแยกมังคุดมาใช้ในการคัดแยกผลผลิตของเกษตรกรให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ตลาดต้องการ และจะช่วยให้การกระจายผลผลิตเป็นไปอย่างรวดเร็ว ส่วนทุเรียน เงาะ และลองกอง อบจ.ได้วางแผนเตรียมพร้อมแล้วหากมีปัญหาผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ จะรีบดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรโดยทันที
