ศูนย์ข่าวศรีราชา -องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรีทุ่มงบประมาณ 30 ล้านบาท เตรียมซื้อผลไม้เกษตรกร ราคานำตลาด ป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาดราคาตกต่ำ ขณะที่ผลผลิตปีนี้เกษตรจังหวัดจันทบุรีคาดปริมาณลดลงเนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวน
นายธนภณ กิจกาญจน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผลผลิตผลไม้ของเกษตรกรในจังหวัดจันทบุรี จะออกสู่ตลาด ปีนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรีได้วางแผน เตรียมพร้อมป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาดราคาตกต่ำ แล้ว โดยสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรีได้อนุมัติเงินเพื่อใช้ในการซื้อผลผลิตของเกษตรกร เบื้องต้นจำนวน 30 ล้านบาท
โดยกำหนดจุดรับซื้อผลไม้ ที่บริเวณสถานที่ก่อสร้าง ศูนย์ราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี แยกคลองทราย ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง ริมถนนสุขุมวิท และจะเริ่มซื้อผลไม้ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล ประมาณเดือน เมษายน เป็นต้นไป ทั้งนี้ อบจ.จันทบุรี ได้ทำ MOU กับผู้ส่งออกผลไม้ ที่เป็นผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อกระจายผลผลิตออกจากจังหวัดจันทบุรีไปสู่ตลาดปลายทาง อาทิ เวียดนาม จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น มาเลเซีย กัมพูชา และมีจำนวนออเดอร์สั่งสินค้ามากกว่าปีที่ผ่านมา หลายเท่าตัว อันจะส่งผลให้เกษตรกรในจังหวัดจันทบุรีจำหน่ายสินค้าได้ราคาที่สูงขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม อบจ.จันทบุรีขอให้เกษตรกรรักษาคุณภาพสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานตามที่ตลาดต้องการ สำหรับสถิติในปีที่ผ่านมา ช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม 2553 ซึ่งเป็นช่วงที่ผลไม้ของเกษตรกรจังหวัดจันทบุรีออกสู่ตลาดมากที่สุด หรือที่เรียกว่าช่วงพีค อบจ.จันทบุรีได้เปิดจุดรับซื้อมังคุดแทรกแซงราคาตลาด รวมระยะเวลา 30 วัน มีเกษตรกรนำผลผลิตออกมาจำหน่ายรวมประมาณ 1,500,000 กิโลกรัม หรือ ประมาณ 1,500 ตัน การดำเนินโครงการสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ระดับหนึ่ง แต่ปีนี้การเตรียมตัว วางแผน โครงการเป็นไปอย่างรอบคอบ และจะเริ่มโครงการแต่เนิ่น ๆ ซึ่งจะส่งผลดีแก่เกษตรกรด้านราคาผลผลิต
อีกทั้ง ปีนี้ อบจ.จันทบุรีได้สั่งซื้อเครื่องคัดแยกมังคุดมาใช้ในการคัดแยกผลผลิตของเกษตรกรให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ตลาดต้องการ และจะช่วยให้การกระจายผลผลิตเป็นไปอย่างรวดเร็ว ส่วนทุเรียน เงาะ และลองกอง อบจ.ได้วางแผนเตรียมพร้อมแล้วหากมีปัญหาผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ จะรีบดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรโดยทันที
ด้านนายสุวิทย์ อาจนาวัง เกษตรจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า การคาดการณ์ผลผลิตผลไม้เศรษฐกิจ ของจังหวัดจันทบุรีในปีนี้ พบว่า ผลผลิตมังคุดมีปริมาณลดลงจากปีที่แล้วเนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ส่วนทุเรียน เงาะ ลองกองมีปริมาณเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ผลผลิตทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง จะไม่ออกมาประดังกัน โดยคาดการณ์ว่า ทุเรียน ปีนี้จะให้ผลผลิตประมาณ 217,685 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ2.99 จากพื้นที่ปลูก 184,895 ไร่ ออกมากสุดช่วงต้นเดือนพฤษภาคม
ส่วนปริมาณ เงาะ คาดว่าจะให้ผลผลิตประมาณ 129,340 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วคิดเป็นร้อยละ 1.96 จากพื้นที่ปลูก 103,626 ไร่ คาดการณ์ออกมากสุดในช่วงปลายเดือนมิถุนายน มังคุด คาดว่าจะให้ผลผลิตประมาณ 78,770 ตัน ผลผลิตลดลงจากปีที่แล้วคิดเป็นร้อยละ 11.94 จากพื้นที่ปลูก 144,396 ไร่ ออกมากสุดประมาณ ต้นเดือนมิถุนายน ลองกอง คาดว่าจะมีปริมาณออกสู่ตลาดประมาณ 54,600 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วคิดเป็นร้อยละ 2.78 จากพื้นที่ปลูก 98,691 ไร่ ออกมากสุดประมาณปลายเดือน พฤษภาคม
นายธนภณ กิจกาญจน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผลผลิตผลไม้ของเกษตรกรในจังหวัดจันทบุรี จะออกสู่ตลาด ปีนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรีได้วางแผน เตรียมพร้อมป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาดราคาตกต่ำ แล้ว โดยสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรีได้อนุมัติเงินเพื่อใช้ในการซื้อผลผลิตของเกษตรกร เบื้องต้นจำนวน 30 ล้านบาท
โดยกำหนดจุดรับซื้อผลไม้ ที่บริเวณสถานที่ก่อสร้าง ศูนย์ราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี แยกคลองทราย ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง ริมถนนสุขุมวิท และจะเริ่มซื้อผลไม้ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล ประมาณเดือน เมษายน เป็นต้นไป ทั้งนี้ อบจ.จันทบุรี ได้ทำ MOU กับผู้ส่งออกผลไม้ ที่เป็นผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อกระจายผลผลิตออกจากจังหวัดจันทบุรีไปสู่ตลาดปลายทาง อาทิ เวียดนาม จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น มาเลเซีย กัมพูชา และมีจำนวนออเดอร์สั่งสินค้ามากกว่าปีที่ผ่านมา หลายเท่าตัว อันจะส่งผลให้เกษตรกรในจังหวัดจันทบุรีจำหน่ายสินค้าได้ราคาที่สูงขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม อบจ.จันทบุรีขอให้เกษตรกรรักษาคุณภาพสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานตามที่ตลาดต้องการ สำหรับสถิติในปีที่ผ่านมา ช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม 2553 ซึ่งเป็นช่วงที่ผลไม้ของเกษตรกรจังหวัดจันทบุรีออกสู่ตลาดมากที่สุด หรือที่เรียกว่าช่วงพีค อบจ.จันทบุรีได้เปิดจุดรับซื้อมังคุดแทรกแซงราคาตลาด รวมระยะเวลา 30 วัน มีเกษตรกรนำผลผลิตออกมาจำหน่ายรวมประมาณ 1,500,000 กิโลกรัม หรือ ประมาณ 1,500 ตัน การดำเนินโครงการสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ระดับหนึ่ง แต่ปีนี้การเตรียมตัว วางแผน โครงการเป็นไปอย่างรอบคอบ และจะเริ่มโครงการแต่เนิ่น ๆ ซึ่งจะส่งผลดีแก่เกษตรกรด้านราคาผลผลิต
อีกทั้ง ปีนี้ อบจ.จันทบุรีได้สั่งซื้อเครื่องคัดแยกมังคุดมาใช้ในการคัดแยกผลผลิตของเกษตรกรให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ตลาดต้องการ และจะช่วยให้การกระจายผลผลิตเป็นไปอย่างรวดเร็ว ส่วนทุเรียน เงาะ และลองกอง อบจ.ได้วางแผนเตรียมพร้อมแล้วหากมีปัญหาผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ จะรีบดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรโดยทันที
ด้านนายสุวิทย์ อาจนาวัง เกษตรจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า การคาดการณ์ผลผลิตผลไม้เศรษฐกิจ ของจังหวัดจันทบุรีในปีนี้ พบว่า ผลผลิตมังคุดมีปริมาณลดลงจากปีที่แล้วเนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ส่วนทุเรียน เงาะ ลองกองมีปริมาณเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ผลผลิตทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง จะไม่ออกมาประดังกัน โดยคาดการณ์ว่า ทุเรียน ปีนี้จะให้ผลผลิตประมาณ 217,685 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ2.99 จากพื้นที่ปลูก 184,895 ไร่ ออกมากสุดช่วงต้นเดือนพฤษภาคม
ส่วนปริมาณ เงาะ คาดว่าจะให้ผลผลิตประมาณ 129,340 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วคิดเป็นร้อยละ 1.96 จากพื้นที่ปลูก 103,626 ไร่ คาดการณ์ออกมากสุดในช่วงปลายเดือนมิถุนายน มังคุด คาดว่าจะให้ผลผลิตประมาณ 78,770 ตัน ผลผลิตลดลงจากปีที่แล้วคิดเป็นร้อยละ 11.94 จากพื้นที่ปลูก 144,396 ไร่ ออกมากสุดประมาณ ต้นเดือนมิถุนายน ลองกอง คาดว่าจะมีปริมาณออกสู่ตลาดประมาณ 54,600 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วคิดเป็นร้อยละ 2.78 จากพื้นที่ปลูก 98,691 ไร่ ออกมากสุดประมาณปลายเดือน พฤษภาคม
