ศูนย์ข่าวศรีราชา - ประธานที่ปรึกษาสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยาชี้วิกฤตภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นไม่กระทบการท่องเที่ยวพัทยา แต่ภูเก็ต-สมุยน่าจะโดนหางเลขแต่ไม่ถึง 100 % ระบุตลาดนักเที่ยวยุ่นในเมืองพัทยาปีหนึ่งไม่ถึง 1 แสนคน ซึ่งอาจชะลอการเดินทางเพื่อรอสถานการณ์คลี่คลาย แต่ตลาดหลักยังเป็นรัสเซียและอินเดียที่ยังมีนักท่องเที่ยวสนุกสนานอยู่ในเมืองพัทยาโดยไม่หวั่นกระแสเตากัมมันตรังสีระเบิดและกระจายทั่วท้องฟ้าเอเชียที่โหมกระหน่ำมาอีกระลอก
นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี ประธานที่ปรึกษาสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา แสดงความคิดเห็นกรณีเกิดภัยธรรมชาติที่ญี่ปุ่นซึ่งมีแผ่นดินไหว 8.9 ริกเตอร์ ส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามีความสูงกว่า 10 เมตร ซัดถล่มเมืองชายฝั่งจนได้รับความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ที่เป็นกระแสความน่าสนใจของสาธารณชนอยู่ในขณะนี้ว่า วิกฤตการณ์ดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการท่องเที่ยวเมืองพัทยามากนัก เพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นในพัทยามีไม่เกินร้อยละ 10 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด เฉลี่ยประมาณ 7-8 หมื่นคนในแต่ละปี โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักธุรกิจที่เดินทางมาทำงานในแหล่งนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งแตกต่างจากตลาดนักท่องเที่ยวหลักซึ่งเป็นรัสเซียและอินเดียที่ยังคงไว้วางใจมาพักผ่อนในพัทยาอย่างต่อเนื่อง
แต่เรื่องดังกล่าวอาจส่งผลกระทบให้กับแหล่งท่องเที่ยวอื่นที่พึ่งพิงตลาดญี่ปุ่น ทั้งภูเก็ตและสมุยแต่ไม่กระทบแบบเต็ม 100 % เพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินทางมาจากโอซาก้าและโตเกียว ซึ่งไม่ได้อยู่ในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นสึนามิ ทั้งนี้อาจมีการชะลอการเดินทางของนักท่องเที่ยวแดนปลาดิบในขณะนี้ เพราะยังห่วงสถานการณ์ภายในประเทศของตัวเอง และก็รอให้สถานการณ์โดยรวมของประเทศดีขึ้นตามลำดับก่อนจะตัดสินใจวางแผนเรื่องการท่องเที่ยวต่อไปอีกครั้ง
ต่อกระแสข่าวที่โหมกระหน่ำต่อเนื่องทำนองว่า ขณะนี้รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศเตือนหลังจากเตากัมมันตรังสีระเบิดแล้วสารกัมมันตรังสีจะกระจายไปทั่วท้องฟ้าเอเชีย และให้ระวังฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าในช่วงนี้เพราะอาจมีสารกัมมันตรังสีผสมมาโดยร่างกายจนเกิดอาการเจ็บป่วยซึ่งเป็นที่ฮือฮาอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ตตอนนี้ว่าอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวหรือไม่นั้น
นายธเนศ กล่าวต่อว่า เรื่องดังกล่าวอาจจะส่งผลด้านความคิดสำหรับนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่ค่อนข้างเซนซิทีฟ ซึ่งยอมรับว่ามีบ้างที่หวาดกลัวต่อเรื่องนี้จริงๆ แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวอีกหลายกลุ่มที่ไม่สนใจต่อกระแสข่าวและยังคงเดินทางมาพักผ่อนอย่างสนุกสนานในเมืองพัทยาทั้งชาวรัสเซียและอินเดียซึ่งก็เห็นได้ชัดว่า 2 กลุ่มนี้ยังคงเลือกที่จะมาพัทยาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ปีที่ผ่านมาค่าเงินบาทของไทยแข็งตัวทำให้ภาพรวมของนักท่องเที่ยวต่างชาติดูน้อยลงไปด้วย แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบกับกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวหลักที่เดินทางมายังพัทยา
นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี ประธานที่ปรึกษาสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา แสดงความคิดเห็นกรณีเกิดภัยธรรมชาติที่ญี่ปุ่นซึ่งมีแผ่นดินไหว 8.9 ริกเตอร์ ส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามีความสูงกว่า 10 เมตร ซัดถล่มเมืองชายฝั่งจนได้รับความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ที่เป็นกระแสความน่าสนใจของสาธารณชนอยู่ในขณะนี้ว่า วิกฤตการณ์ดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการท่องเที่ยวเมืองพัทยามากนัก เพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นในพัทยามีไม่เกินร้อยละ 10 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด เฉลี่ยประมาณ 7-8 หมื่นคนในแต่ละปี โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักธุรกิจที่เดินทางมาทำงานในแหล่งนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งแตกต่างจากตลาดนักท่องเที่ยวหลักซึ่งเป็นรัสเซียและอินเดียที่ยังคงไว้วางใจมาพักผ่อนในพัทยาอย่างต่อเนื่อง
แต่เรื่องดังกล่าวอาจส่งผลกระทบให้กับแหล่งท่องเที่ยวอื่นที่พึ่งพิงตลาดญี่ปุ่น ทั้งภูเก็ตและสมุยแต่ไม่กระทบแบบเต็ม 100 % เพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินทางมาจากโอซาก้าและโตเกียว ซึ่งไม่ได้อยู่ในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นสึนามิ ทั้งนี้อาจมีการชะลอการเดินทางของนักท่องเที่ยวแดนปลาดิบในขณะนี้ เพราะยังห่วงสถานการณ์ภายในประเทศของตัวเอง และก็รอให้สถานการณ์โดยรวมของประเทศดีขึ้นตามลำดับก่อนจะตัดสินใจวางแผนเรื่องการท่องเที่ยวต่อไปอีกครั้ง
ต่อกระแสข่าวที่โหมกระหน่ำต่อเนื่องทำนองว่า ขณะนี้รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศเตือนหลังจากเตากัมมันตรังสีระเบิดแล้วสารกัมมันตรังสีจะกระจายไปทั่วท้องฟ้าเอเชีย และให้ระวังฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าในช่วงนี้เพราะอาจมีสารกัมมันตรังสีผสมมาโดยร่างกายจนเกิดอาการเจ็บป่วยซึ่งเป็นที่ฮือฮาอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ตตอนนี้ว่าอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวหรือไม่นั้น
นายธเนศ กล่าวต่อว่า เรื่องดังกล่าวอาจจะส่งผลด้านความคิดสำหรับนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่ค่อนข้างเซนซิทีฟ ซึ่งยอมรับว่ามีบ้างที่หวาดกลัวต่อเรื่องนี้จริงๆ แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวอีกหลายกลุ่มที่ไม่สนใจต่อกระแสข่าวและยังคงเดินทางมาพักผ่อนอย่างสนุกสนานในเมืองพัทยาทั้งชาวรัสเซียและอินเดียซึ่งก็เห็นได้ชัดว่า 2 กลุ่มนี้ยังคงเลือกที่จะมาพัทยาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ปีที่ผ่านมาค่าเงินบาทของไทยแข็งตัวทำให้ภาพรวมของนักท่องเที่ยวต่างชาติดูน้อยลงไปด้วย แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบกับกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวหลักที่เดินทางมายังพัทยา
