หนองคาย - ลูกจ้างลาวโหดฆ่าอดีตนายจ้างสาวใหญ่เจ้าของคาร์แคร์เมืองหนองคาย เหตุแค้นเจ้าของคาร์แคร์ยุเมียที่กำลังตั้งท้อง 5 เดือนให้เลิกกับตนแล้วไปอยู่กินกับลูกน้องคนสนิทแทน ฉวยโอกาสเหยื่ออยู่คนเดียว ใช้สะปาต้าฟันหัว แล้วเตรียมชิ่งเก็บข้าวของ ตำรวจแกะรอยรวบทันควัน
จากกรณีเหตุฆาตกรรม นางระมิดา รวมสุข อายุ 47 ปี เจ้าของคาร์แคร์เมืองหนองคาย โดยคนร้ายใช้มีดฟันไม่ยั้ง เสียชีวิตอย่างน่าอนาถ เมื่อค่ำของวันที่ 13 มี.ค.54 ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด ภายหลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผกก.สภ.เมืองหนองคาย ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเร่งคลี่คลายคดีโดยเร็วเพราะเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญของประชาชน
โดยได้จัดแบ่งคณะทำงานออกเป็น 2 ชุด ชุดที่ 1 นำกำลังออกหาข่าว และชุดที่ 2 ได้ติดตามตัวคนงานในร้านคาร์แคร์มาสอบปากคำ ทั้งหมดรวม 7 คน โดยทำการสอบปากคำตลอดทั้งคืน
จนกระทั่งเวลา 07.00 น.ของวันนี้ (14 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เบาะแสของคนร้าย โดยทราบว่าเมื่อประมาณเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีคนงานชาวลาว ทราบชื่อภายหลัง คือ ท้าววันไช สีสมวง หรือ เสือ อายุ 25 ปี ชาวบ้านท่านาสา เมืองสังทอง นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ได้ลาออกไป โดยมีสาเหตุมาจาก เมียของท้าววันไช ที่กำลังตั้งท้องได้ 5 เดือนได้ไปอยู่กินกันหนุ่มคนงานอีกคนที่ทำงานด้วยกัน
หนุ่มคนงานดังกล่าวเป็นลูกน้องคนสนิทของนางระมิดา และภายหลังลาออกไปท้าววันไชได้ไปทำงานอยู่โรงงานขนมปังแห่งหนึ่งในตัวเมืองหนองคาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รีบรุดไปตามตัวท้าววันไชมาสอบปากคำ โดยขณะที่เจ้าหน้าตำรวจได้ไปติดตามตัวท้าววันไชที่ห้องพักนั้น พบว่าท้าววันไชกำลังเก็บข้าวของใสกระเป๋าเตรียมเดินทาง
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวไปสอบปากคำโรงพัก ท้าววันไช ก็ปฏิเสธที่จะไปให้ปากคำ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระของท้าววันไช ก็ได้พบโทรศัพท์มือถือของนางระมิดา ที่หายไป
ท้าววันไช จึงยอมจำนนต่อหลักฐานและรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่านางระมิดาเองกับมือ เพราะโกรธแค้นที่นางระมิดาไปเป็นแม่สื่อยุยงให้เมียของตนที่กำลังตั้งท้องอยู่ 5 เดือนไปอยู่กินหลับนอนกับลูกน้องคนสนิทของนางระมิดาแถมยังกีดกันไม่ให้ตนได้พบหน้าเมีย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
จากการสอบสวนท้าววันไช ให้การว่า เมื่อเวลา 11.30 น.ของวันที่ 13 มี.ค.54 ตนได้เดินทางไปที่บ้านหลังเกิดเหตุพร้อมพกมีดสะปาต้าขนาดยาว 1 ฟุตไปด้วยเพื่อล้างแค้น เมื่อไปถึงบ้านหลังดังกล่าวท้าววันไชได้ถีบประตูเข้าไปภายในบ้าน และพบว่า ผู้ตายได้ยืนอยู่หน้าห้องครัว จึงได้ใช้มีดที่เตรียมมาแทงผู้ตายเข้าไปที่บริเวณช่องท้องหนึ่งครั้งจนผู้ตายล้มลง จากนั้นได้เงื้อมีดขึ้นหมายจะฟันเข้าที่ศีรษะของผู้ตาย แต่ผู้ตายได้ยกมือขึ้นป้องจึงฟันเข้าที่บริเวณข้อมือซ้ายจนเกือบขาด จากนั้นท้าววันไชก็กระหน่ำมีดฟันลงบนศีรษะของผู้ตายอีกนับครั้งไม่ถ้วนเมื่อเห็นว่านางระมิดาแน่นิ่งไป จึงได้เข้าไปรื้อค้นหาทรัพย์สินมีค่า
โดยได้เงินสดจำนวน 1 หมื่นบาทและโทรศัพท์มือถือของผู้ตายแล้วหลบหนีไปที่ห้องเช่าเตรียมจะเดินทางกลับบ้านเกิดแต่ก็มาถูกจับกุมตัวได้เสียก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป