พะเยา - มหาวิทยาลัยพะเยา หนุนเต็มสูบ กฎหมายโซนนิ่งร้านเหล้าห่างรั้วสถาบันการศึกษา 500 เมตรย้ำเข้มนิสิตพบเมาเหล้า 2 ครั้ง เจอไล่ออก ตัดเงินกู้ฯ ดันเดินหน้าการสร้างจิตสำนึกทุกภาคส่วนร่วมแก้ปัญหาร้านเหล้ารอบสถานศึกษาคู่ขนานกฎหมาย
ผศ.ชาลี ทองเรือง รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา(มพ.) จังหวัดพะเยา กล่าวว่า กรณีที่เครือข่ายรองอธิการบดีมหาวิทยาลัย เครือข่ายนักศึกษา และมูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา ร่วมกันผลักดันการออกร่างกฎหมายโซนนิ่งพื้นที่ร้านเหล้ารอบสถานศึกษา โดยให้ร้านเหล้าห่างจากสถานศึกษาอย่างน้อย 500 เมตรนั้น ตนเห็นด้วย เนื่องจากการทำงานจะต้องมีการทำงานเชิงกฎหมายควบคู่ไปกับการทำงานเชิงรุกด้านการสร้างจิตสำนึกของทุกส่วนที่เกี่ยวข้องในเรื่องร้านเหล้ารอบสถานศึกษาอย่างจริงจัง
สำหรับ มพ.นั้น ตามกฎระเบียบของสถาบันเข้มงวดเรื่องนี้กับนิสิตตลอดเวลา กรณีที่นิสิตดื่มเหล้าหากสถาบันพบหรือตรวจสอบและจับกุมได้ 2 ครั้ง จะถูกไล่ออก พ้นสภาพจากการเป็นนิสิตทันที ในรายที่เป็นนิสิตได้รับเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จะถูกตัดเงินกู้ทันทีเช่นกัน แต่ก็ยังพบว่าบางครั้งมีนิสิตลักลอบไปดื่มเหล้ามาจากภายนอกสถาบัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีร้านค้าบริการเกี่ยวกับเหล้าอยู่รอบสถานศึกษาเป็นสิ่งที่ยั่วยุ และเป็นสิ่งเร้าให้นิสิตเข้าไปสู่วงจรดังกล่าว
ผศ.ชาลี กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามก่อนที่จะมีกฎหมายออกมาบังคับใช้เรื่องโซนนิ่งร้านเหล้า ทาง มพ.ได้ดำเนินการภายใต้แผนงานสร้างจิตสำนึกของเด็กใช้ชีวิตที่เหมาะสม คือ ทำงานเชิงนโยบายประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภายใน - ภายนอกสถาบัน เชิงการรณรงค์และเสริมสร้างพฤติกรรมของเด็กทั้งเกี่ยวกับเรื่องเหล้า และเพศสัมพันธ์ เช่น ฝ่ายปกครองจังหวัดพะเยา สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพะเยา ชุมชนรอบสถาบันการศึกษา ผู้ประกอบการร้านค้า หอพักต่าง ๆ และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) คือ เทศบาลตำบล(ทต.)แม่กา
นอกจากนี้ สถาบันได้ทำโครงการมหาวิทยาลัยเสริมสร้างสุขภาพ โดยเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของบุคลากรภายในสถาบันทุกกลุ่ม นำหลัก 6 อ มาใช้ ประกอบด้วย อาหารดี อากาศดีอารมณ์ดี หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ อนามัยเจริญพันธุ์ และออกกำลังกายทุกวันเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง โดยเฉพาะการรณรงค์สร้างจิตสำนึกของนิสิตว่าการไม่เที่ยวไม่ดื่มเหล้าไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือเชย ทำให้เข้ากลุ่มกับเพื่อนไม่ได้ ส่งเสริมว่าเป็นภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับพวกเขา หรือเรียกอีกอย่างว่าการสร้างจิตสำนึกเชิงนโยบาย
“ส่วนด้านกฎหมาย ผมคิดว่าสำคัญอยู่ที่ผู้คุมและผู้ใช้กฎหมายอย่างจริงจังและชัดเจน ไม่มีการเลี่ยงปฏิบัติในลักษณะลูกหน้าปะจมูก ต้องทำจริง หากทุกฝ่ายใช้ระเบียบและกฎหมายในความรับผิดชอบอย่างจริงจัง พร้อมกับควบคู่การรณรงค์จิตสำนึกเชิงนโยบายทุกภาคส่วนที่รับผิดชอบ และนิสิตเองก็ต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่คือการศึกษา จะทำให้อนาคตของเยาวชนเติบโตก้าวไปสู่สิ่งที่ดีงาม” ผศ.ชาลี กล่าว
ผศ.ชาลี ทองเรือง รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา(มพ.) จังหวัดพะเยา กล่าวว่า กรณีที่เครือข่ายรองอธิการบดีมหาวิทยาลัย เครือข่ายนักศึกษา และมูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา ร่วมกันผลักดันการออกร่างกฎหมายโซนนิ่งพื้นที่ร้านเหล้ารอบสถานศึกษา โดยให้ร้านเหล้าห่างจากสถานศึกษาอย่างน้อย 500 เมตรนั้น ตนเห็นด้วย เนื่องจากการทำงานจะต้องมีการทำงานเชิงกฎหมายควบคู่ไปกับการทำงานเชิงรุกด้านการสร้างจิตสำนึกของทุกส่วนที่เกี่ยวข้องในเรื่องร้านเหล้ารอบสถานศึกษาอย่างจริงจัง
สำหรับ มพ.นั้น ตามกฎระเบียบของสถาบันเข้มงวดเรื่องนี้กับนิสิตตลอดเวลา กรณีที่นิสิตดื่มเหล้าหากสถาบันพบหรือตรวจสอบและจับกุมได้ 2 ครั้ง จะถูกไล่ออก พ้นสภาพจากการเป็นนิสิตทันที ในรายที่เป็นนิสิตได้รับเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จะถูกตัดเงินกู้ทันทีเช่นกัน แต่ก็ยังพบว่าบางครั้งมีนิสิตลักลอบไปดื่มเหล้ามาจากภายนอกสถาบัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีร้านค้าบริการเกี่ยวกับเหล้าอยู่รอบสถานศึกษาเป็นสิ่งที่ยั่วยุ และเป็นสิ่งเร้าให้นิสิตเข้าไปสู่วงจรดังกล่าว
ผศ.ชาลี กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามก่อนที่จะมีกฎหมายออกมาบังคับใช้เรื่องโซนนิ่งร้านเหล้า ทาง มพ.ได้ดำเนินการภายใต้แผนงานสร้างจิตสำนึกของเด็กใช้ชีวิตที่เหมาะสม คือ ทำงานเชิงนโยบายประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภายใน - ภายนอกสถาบัน เชิงการรณรงค์และเสริมสร้างพฤติกรรมของเด็กทั้งเกี่ยวกับเรื่องเหล้า และเพศสัมพันธ์ เช่น ฝ่ายปกครองจังหวัดพะเยา สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพะเยา ชุมชนรอบสถาบันการศึกษา ผู้ประกอบการร้านค้า หอพักต่าง ๆ และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) คือ เทศบาลตำบล(ทต.)แม่กา
นอกจากนี้ สถาบันได้ทำโครงการมหาวิทยาลัยเสริมสร้างสุขภาพ โดยเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของบุคลากรภายในสถาบันทุกกลุ่ม นำหลัก 6 อ มาใช้ ประกอบด้วย อาหารดี อากาศดีอารมณ์ดี หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ อนามัยเจริญพันธุ์ และออกกำลังกายทุกวันเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง โดยเฉพาะการรณรงค์สร้างจิตสำนึกของนิสิตว่าการไม่เที่ยวไม่ดื่มเหล้าไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือเชย ทำให้เข้ากลุ่มกับเพื่อนไม่ได้ ส่งเสริมว่าเป็นภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับพวกเขา หรือเรียกอีกอย่างว่าการสร้างจิตสำนึกเชิงนโยบาย
“ส่วนด้านกฎหมาย ผมคิดว่าสำคัญอยู่ที่ผู้คุมและผู้ใช้กฎหมายอย่างจริงจังและชัดเจน ไม่มีการเลี่ยงปฏิบัติในลักษณะลูกหน้าปะจมูก ต้องทำจริง หากทุกฝ่ายใช้ระเบียบและกฎหมายในความรับผิดชอบอย่างจริงจัง พร้อมกับควบคู่การรณรงค์จิตสำนึกเชิงนโยบายทุกภาคส่วนที่รับผิดชอบ และนิสิตเองก็ต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่คือการศึกษา จะทำให้อนาคตของเยาวชนเติบโตก้าวไปสู่สิ่งที่ดีงาม” ผศ.ชาลี กล่าว
