กาฬสินธุ์ -ผู้ว่าฯกาฬสินธุ์ เตือนเกษตรกรงดขยายพื้นที่การปลูกข้าวนาปรังหลังพบปริมาณน้ำเขื่อนลดน้อยลงเหลือเพียงร้อยละ 65 ให้หันไปปลูกพืชคลุมดินตระกูลถั่ว ลดความเสี่ยงที่จะเกิดจากปัญหาขาดแคลนน้ำ
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวถึงสถานการณ์ภัยแล้งที่เริ่มคุกคามในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ หลังได้รับรายงานจากโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือเขื่อนลำปาว ว่า ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ถึงปัจจุบันเกิดปัญหาฝนทิ้งช่วง ทำให้ระดับน้ำได้ลดลงอย่างรวดเร็ว
ล่าสุด มีปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่ที่ 926 ล้าน ลบ.ม.หรือร้อยละ 65 ซึ่งขณะนี้เขื่อนลำปาวยังคงทำการปล่อยน้ำลงคลองชลประทานให้เกษตรกร ทำการเพาะปลูกข้าวนาปรังถึงวันละ 5.61 ล้าน ลบ.ม.และจากการคาดการณ์ของอุตุนิยมวิทยาคาดว่า จะเกิดปัญหาฝนแล้งในช่วงอากาศร้อน
ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสียหายต่อภาคการเกษตรกรรม เกษตรกรในเขตชลประทานควรงดขยายพื้นที่การปลูกข้าวนาปรัง เพราะในปัจจุบันมีการทำนาปรังมากถึง 3 แสนไร่ แต่ควรหันไปปลูกพืชคลุมดินหรือพืชตระกูลถั่วที่ใช้น้ำน้อยเพื่อลดความเสียหาย
ทั้งนี้ ยังได้กำชับให้นายอำเภอทั้ง 18 อำเภอ ทำการสำรวจภาชนะกักเก็บน้ำ รวมถึงปริมาณน้ำต้นทุนในทุกพื้นที่ เพื่อเตรียมการรับมือสถานการณ์ภัยแล้งเอาไว้แล้ว
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวถึงสถานการณ์ภัยแล้งที่เริ่มคุกคามในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ หลังได้รับรายงานจากโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือเขื่อนลำปาว ว่า ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ถึงปัจจุบันเกิดปัญหาฝนทิ้งช่วง ทำให้ระดับน้ำได้ลดลงอย่างรวดเร็ว
ล่าสุด มีปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่ที่ 926 ล้าน ลบ.ม.หรือร้อยละ 65 ซึ่งขณะนี้เขื่อนลำปาวยังคงทำการปล่อยน้ำลงคลองชลประทานให้เกษตรกร ทำการเพาะปลูกข้าวนาปรังถึงวันละ 5.61 ล้าน ลบ.ม.และจากการคาดการณ์ของอุตุนิยมวิทยาคาดว่า จะเกิดปัญหาฝนแล้งในช่วงอากาศร้อน
ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสียหายต่อภาคการเกษตรกรรม เกษตรกรในเขตชลประทานควรงดขยายพื้นที่การปลูกข้าวนาปรัง เพราะในปัจจุบันมีการทำนาปรังมากถึง 3 แสนไร่ แต่ควรหันไปปลูกพืชคลุมดินหรือพืชตระกูลถั่วที่ใช้น้ำน้อยเพื่อลดความเสียหาย
ทั้งนี้ ยังได้กำชับให้นายอำเภอทั้ง 18 อำเภอ ทำการสำรวจภาชนะกักเก็บน้ำ รวมถึงปริมาณน้ำต้นทุนในทุกพื้นที่ เพื่อเตรียมการรับมือสถานการณ์ภัยแล้งเอาไว้แล้ว
