อุดรธานี - ญาติคนงานไทยในลิเบียแห่ขอให้รัฐบาลช่วยกลับบ้าน ขณะที่ญาติคนไทยส่วนหนึ่ง เผย โดนปล้นสะดมแล้ว เผยเฉพาะชาวอุดรขายแรงงานที่ลิเบียมีมากเกือบ 2,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวอำเภอเพ็ญ อ.เมือง รับจ้างสร้างถนน สร้างสนามบิน
ตลอดวันนี้ (24 ก.พ.) ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดอุดรธานี ได้มีญาติพี่น้องคนไทยที่ไปทำงานประเทศลิเบีย จำนวนมากเดินทางมาลงทะเบียนขอความช่วยเหลือผ่านไปยังกระทรวงแรงงาน เพื่อให้รัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือคนงานที่ไปทำงานในปะเทศลิเบีย เนื่องจากเกิดสถานการณ์ความไม้สงบขึ้นมาเกิดการจลาจล และปล้นสะดมในเมืองต่างๆ
นายบุญส่ง กิจสำเร็จ จัดหางานจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า มีคนงานไทยไปทำงานที่ประเทศลิเบียในตอนนี้จำนวน 23,600 คน ซึ่งเป็นคนจังหวัดอุดรธานี 1,730 คน ส่วนใหญ่เป็นราษฎร อำเภอเพ็ญ, อำเภอเมืองอุดรธานี, อำเภอประจักษ์ศิลปาคม และกระจายอยู่ในอำเภอต่างๆ ซึ่งคนงานไทยไปรับจ้างทำงานสร้างถนน สร้างสนามบิน สร้างแม่น้ำเทียม และก่อสร้างบ้านเรือนและตึก ได้ค่าแรงคนละ 20,000 บาท/เดือน ถ้ารวมค่าโอทีแล้วจะได้คนละ 25,000-30,000 บาท/เดือน โดยผ่านบริษัทจัดหางาน 20 บริษัท ที่ประเทศไทย แล้วส่งต่อไปให้บริษัทต่างชาติประเทศแคนาดา เกาหลี และ อิตาลี ที่เขาประมูลงานดังกล่าวได้
นายบุญส่ง กล่าวว่า ส่วนแรงงานไทยที่มีจำนวนมากที่สุด อยู่ที่ เมืองเบกาซี และ เมืองทิโปลี ซึ่งตอนนี้สนามบินประเทศลิเบียถูกปิด ไม่สามารถนำคนไทยเดินทางออกมานั้น จึงต้องประสานไปยังกระทรวงต่างประเทศในสถานทูตไทยที่นั้นให้ช่วยเหลือคนไทยเบื้องต้น ในเรื่องอาหาร น้ำ และยารักษาโรค และประกาศให้คนไทยห้ามออกมาจากที่พักเด็ดขาด ทั้งในเวลากลางวัน และเวลากลางคืน เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตรายเกิดขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม แผนที่สอง ก็คือ ประสานไปยังประเทศกรีซ และประเทศอิตาลี ให้นำเรือไปขนคนไทยจากประเทศลิเบียออกมา ซึ่งเรือแต่ละเที่ยวสามารถขนแรงงานไทยได้จำนวน 1,200-1,400 คน มาขึ้นฝั่งประเทศกรีซ และประเทศอิตาลี แล้วมาต่อเครื่องบินกลับประเทศไทยต่อไป
นางลำปาง หล้าสา อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 167 ม.8 บ้านปอพาน ต.บ้านดุง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สามีของตนชื่อ นายณัฐภาส เสพรหม อายุ 40 ปี ซึ่งเดินทางไปทำงานในประเทศลิเบียมาได้ 3 ปีแล้ว ในตำแหน่งคนขับรถ ตนเองต้องการให้รัฐบาลได้ช่วยเหลือนำเอาตัวสามีและคนงานที่อยู่ในประเทศนี้เดินทางกลับประเทศไทยโดยเร็วที่สุด
จากการที่ตนได้ติดต่อกับสามี ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี้ ได้รับการบอกเล่าว่า แคมป์คนงานไทยที่สามีทำงานอยู่นั้น ถูกคนท้องถิ่นบุกเข้าปล้น และนำเอารถบรรทุกออกไปจากแคมป์ 5 คัน และบอกด้วยว่าความปลอดภัยไม่มี และต้องอยู่เฉพาะในห้องพักที่แคมป์คนงานเท่านั้น
ส่วนในเรื่องของอาหารการกิน ในขณะนี้เหลือแต่ไข่ไก่เท่านั้น และคงจะอยู่ได้อีกไม่กี่วัน และในแคมป์ดังกล่าวมีคนงานไทยอยู่รวมกันเป็นจำนวนมากหลายร้อยคน และต้องการที่จะเดินทางกลับประเทศมากที่สุดในขณะนี้
นางจ๋า ปังคบุตร อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 ม.10 บ้านนาออง ต.โคกกลวง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ก็ได้กล่าวเปิดเผยในทำนองเดียวกันว่าต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือรัฐบาลรีบทำการช่วยเหลือนำเอาคนงานไทยเดินทางออกจากประเทศลิเบียโดยเร็ว เพราะคงไม่มีความปลอดภัย และตนรู้สึกเป็นห่วงสามี คือ นายทองสุช ปังคบุตร อายุ 43 ปี ที่เดินทางไปทำงานอยู่ที่เมืองคัตทูล่า ได้ 7-8 เดือนแล้ว
“ตอนนี้หนูไม่ต้องการเงินจากการที่สามีต้องไปเสี่ยงภัยอีกแล้ว ต้องการให้เขาเดินทางกลับมาประเทศไทยอย่างปลอดภัย ไม่ได้เงินก็ไม่อยากได้แล้ว แม้ว่าจะต้องเป็นหนี้ เป็นสินก็ตาม อยากได้คนกลับบ้านก่อน” นางจ๋า กล่าว
ด้าน นางถวิล ขัดทรายขาว อายุ 36 ปี บ.93 ม.10 ต.ทุ่งฝน อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ได้บอกว่า สามีจองตนคือ นายนิกร ขัดทรายขาว อายุ 39 ปี ได้เดินทางไปทำงานก่อสร้างที่ประเทศลิเบีย มาเป็นระยะเวลา 9 เดือน อยู่ที่เมือง SIRT โดยหลานที่ทำงานอยู่ที่เดียวกันกับสามีโทรมาบอกว่า สามีของตนเองถูกกลุ่มคนที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลประเทศลิเบีย ใช้อาวุธปืนปล้น ได้เอาโทรศัพท์ เงิน เสบียงอาหารและเครื่องดื่มไป ทำให้สามีของตนและแรงงานคนไทย เดือดร้อนอย่างหนักในตอนนี้วอนให้รัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือนำคนไทยออกมาให้เร็วที่สุดต่อไป