กาญ๗นบุรี - “บิ๊กเหวียง” เป็นประธานการประชุมสัญจร สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ไทย-พม่า ที่เมืองกาญจนบุรี
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (22 ก.พ.) พลเอก เชษฐา ฐานะจาโร นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-พม่า พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมศูนย์สาขากาญจนบุรี ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และศูนย์สาขาบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยในการมาครั้งนี้ ทางนายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-พม่า ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม ศูนย์สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-พม่า สาขาบ้านพระเจดีย์สามองค์ พร้อมพบปะคณะกรรมการสาขาเพื่อหารือและมอบนโยบาย หลังจากนั้นได้เดินทางเข้าร่วมประชุม สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ไทย-พม่า ครั้งที่ 1/2554 ณ โรงแรมราชศุภมิตร อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยมี ว่าที่ร้อยตรี เชิดศักดิ์ จำปาเทศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย พันเอก (พิเศษ) สุรินทร์ จันทร์เพียร นายกสมาคมสาขากาญจนบุรี พลอากาศตรี พีรศักดิ์ ชมพูทวีป ประธานสาขาเจดีย์สามองค์และคณะ รวมทั้งนักธุรกิจทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก ให้การต้อนรับ
จากนั้น พลเอก เชษฐา ฐานะจาโร นายกสมาคม ได้กล่าวเปิดการประชุม พร้อมทั้งมอบนโยบายในการบริหารงานของสาขากาญจนบุรี และสาขาเจดีย์สามองค์ โดยให้สมาคมทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการประสานงานระหว่างนักธุรกิจ ไทย-พม่า เพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน มีแนวทางที่ส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกันในทุกๆ ด้าน ให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างไทย-พม่า ในอนาคต แต่จะไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง สำหรับการประชุมในครั้งนี้จะมีการนำเสนอปัญหาต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อมีความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาเพื่อมุ่งให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศโดยรวมต่อไป
และเนื่องด้วยจังหวัดกาญจนบุรี มีแนวชายแดนติดต่อสหภาพพม่า ระยะทางประมาณ 370 กิโลเมตร ช่องทางเข้า-ออก ตามแนวชายแดน 43 ช่องทาง โดยมีจุดผ่อนปรนทางการค้าจำนวน 1 แห่ง คือ ด่านพรมแดนพระเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี และยังมีจุดที่เป็นช่องทางเข้าออก ที่มีศักยภาพที่จะพัฒนา และลงทุนในอุตสาหกรรมสามารถจะพัฒนาเป็นจุดผ่านแดนชั่วคราว หรือจุดผ่อนปรนทางการค้าได้ คือ 1.ช่องทางบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี 2.ช่องทางบ้านอีต่อง อ.ทองผาภูมิ จึงเป็นจุดที่เหมาะสมที่จะทำธุรกิจการค้ากับสหภาพพม่า
ซึ่งตามแนวชายแดนด้านตะวันตกของประเทศไทย สหภาพพม่าเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีศักยภาพ ที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมจากเกษตรกรรม ปศุสัตว์ การประมง การเหมืองแร่ อัญมณี และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ที่คล้ายคลึงกับประเทศไทยด้วย อีกทั้งเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศให้แนบแน่นยิ่งขึ้น ซึ่งจะสร้างความมั่งคั่งและกินดีอยู่ดีของประชาชนทั้งสองประเทศและภูมิภาคต่อไป
ด้าน พ.อ.(พิเศษ) สุรินทร์ จันเพียร ประธานสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-พม่า สาขากาญจนบุรี กล่าวว่า สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-พม่า ตั้งขึ้นเพื่อภารกิจที่ต้องการเป็นช่องทางสร้างการเป็นหุ้นส่วน ทั้งวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-พม่า ในลักษณะที่มีผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองประเทศ ซึ่งภายหลัง พลเอก เชษฐา ฐานะจาโร เข้ารับหน้าที่เป็นนายกสมาคมก็เริ่มมีผลงานต่างๆ มากขึ้น เช่น การจัดตั้งบริษัทและส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจไทย-พม่า เพื่อส่งเสริมอำนวยความสะดวก และช่วยตรวจสอบให้แก่นักธุรกิจไทยที่ต้องการลงทุนในประเทศพม่า
การจัดตั้งสาขาต่างๆ เพิ่มขึ้น เพื่อขยายงานของสมาคมให้กว้างขวาง และได้นำสมาคมสู่ความร่วมมือกันของไทยและพม่า ทั้ในด้านการเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และการศึกษา เพราะตามความเป็นจริงแล้ว ประเทศมีเขตแดนติดต่อกับประเทศพม่ามากกว่า 300 กิโลเมตร มีจำนวนประชากรที่ใกล้เคียงกัน มีขนบธรรมเนียมประเพณีคล้ายกัน ประเทศไทยมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ส่วนพม่ามีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์
ซึ่ง พลเอก เชษฐา ฐานะจาโร นายกสมาคมได้มอบนโยบายให้ โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ ให้สมาคมมีหน้าที่เป็นสื่อกลางในการประสานงานระหว่างนักธุรกิจไทย-พม่า เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการธุรกิจร่วมกัน มีแนวทางที่ส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกันในทุกๆ ด้าน แต่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ดังนั้น ผลจากการประชุมของสมาคมในครั้งนี้ จะมีการนำเสนอปัญหาต่อหน่วยงานต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อมุ่งให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป