กาญจนบุรี - สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.เดินหน้าลุยดันเมืองกาญจนบุรี สู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคตะวันตก ถกร่วมผู้ว่าฯกาญจน์ หน่วยงานเกี่ยวข้องเก็บข้อมูลเพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการผลักดันจังหวัดกาญจนบุรี เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคตะวันตกว่า เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (19 ม.ค.) นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้เป็นประธานการประชุมการบูรณาการการพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจภาคตะวันตก โดยมี นางสาวพจณี อรรถโรจน์ภิญโญ ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และการวางแผนพัฒนาพื้นที่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.และคณะทำงาน พร้อมส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูลเพื่อนำข้อมูลไปสังเคราะห์ไปเขียนแผนพัฒนาต่อไป
โดย นางสาวพจณี อรรถโรจน์ภิญโญ ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และการวางแผนพัฒนาพื้นที่ ได้หารือประเด็นการระดมความคิดเห็นว่า การหารือในครั้งนี้เพื่อกำหนดแนวทางบูรณาการการพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ที่จังหวัดกาญจนบุรี ต้องการพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มีความเป็นเลิศด้านการเกษตรอุตสาหกรรม และการค้าผ่านแดนที่จะร่วมกันปรับแผนไปสู่ยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันตก และประเทศไทย
โดยเน้นการรับทราบข้อมูลด้านการท่องเที่ยว การเกษตร การอุตสาหกรรม การค้าชายแดน โลจิสติกส์ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กฎระเบียบ โครงสร้างพื้นฐาน ด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข และแนวทางการทำงานภายใต้แผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด โดยทั้งหมดจะเป็นไปตามที่รัฐบาลได้วางนโยบายให้เกิดเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนโดยเร็วที่สุด
ต่อจากนั้นผู้ร่วมประชุมได้แสดงความคิดเห็น และให้ข้อมูลเกี่นยวกับการเตรียมความพร้อมในเพื่อรองรับการพัฒนาการค้าผ่านแดนที่บริเวณบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และการค้าชายแดนที่บริเวณจุดผ่อนปรนทางการค้าที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีข้อมูลปัญหาอุปสรรคที่สำคัญ คือ สถานะที่ดินที่เป็นที่ดินของรัฐที่นักลงทุนไม่มีความมั่นใจในสถานะที่ดินจึงลังเลในการลงทุน
ด้าน นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวข้อมูลต่อ สศช.ว่า จังหวัดกาญจนบุรี มีการทำงานมาอย่างต่อเนื่องและมีการประสานกับ บริษัท อิตัลไทย อย่างใกล้ชิด การดำเนินโครงการถนนเชื่อมต่อจากทวาย มาบ้านพุน้ำร้อน คืบหน้ามาก และในเร็วนี้น่าจะสามารถใช้รถบางชนิดเดินทางไปได้
ส่วนอีกด้านเรากำลังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อกำหนดผังศูนย์ราชการชายแดนบ้านพุน้ำร้อน ที่ทางโยธาธิการและผังเมืองกำลังดำเนินการอยู่ โดยกำหนดพื้นที่เป็น 3 โซน โซนแรก คือ โนความมั่นคง ห่างจากชายแดน 3 กิโลเมตร โซนที่สอง คือ โซนศูนย์ราชการ และโซนที่สาม คือ โซนการลงทุน ที่สำคัญที่สุด คือ เรามีความพร้อม
ส่วนเรื่องที่ดินได้พูดคุยร่วมกับทางทหารอย่างต่อเนื่อง และพร้อมสนับสนุนในแนวทางที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ส่วนที่สำคัญอยากให้ สศช.ช่วยหาแนวทางในการพิจารณาผลักดันให้เกิดโครงการที่เกิดประโยชน์กับคนจังหวัดกาญจนบุรี ไม่ใช่ปล่อยให้คนจังหวัดกาญจนบุรี กินฝุ่น แต่ไม่ได้อะไรเลย ที่สำคัญคือ การเกิดเมืองคู่แฝดทางการค้าระหว่างทวายกับกาญจนบุรี ก็จะเป็นเรื่องที่นำไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ และการแลกเปลี่ยนในทุกด้านที่ดีต่อทั้งสองประเทศต่อไปในอนาคต
“ที่สำคัญที่สุด ผมมีแนวคิดว่าจังหวัดกาญจนบุรีเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ดังนั้น การพัฒนาจะต้องไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเป็นอีโค่ซิตี้ เพื่อมิให้เกิดปัญหาเหมือนกับที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด”
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการผลักดันจังหวัดกาญจนบุรี เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคตะวันตกว่า เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (19 ม.ค.) นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้เป็นประธานการประชุมการบูรณาการการพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจภาคตะวันตก โดยมี นางสาวพจณี อรรถโรจน์ภิญโญ ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และการวางแผนพัฒนาพื้นที่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.และคณะทำงาน พร้อมส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูลเพื่อนำข้อมูลไปสังเคราะห์ไปเขียนแผนพัฒนาต่อไป
โดย นางสาวพจณี อรรถโรจน์ภิญโญ ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และการวางแผนพัฒนาพื้นที่ ได้หารือประเด็นการระดมความคิดเห็นว่า การหารือในครั้งนี้เพื่อกำหนดแนวทางบูรณาการการพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ที่จังหวัดกาญจนบุรี ต้องการพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มีความเป็นเลิศด้านการเกษตรอุตสาหกรรม และการค้าผ่านแดนที่จะร่วมกันปรับแผนไปสู่ยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันตก และประเทศไทย
โดยเน้นการรับทราบข้อมูลด้านการท่องเที่ยว การเกษตร การอุตสาหกรรม การค้าชายแดน โลจิสติกส์ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กฎระเบียบ โครงสร้างพื้นฐาน ด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข และแนวทางการทำงานภายใต้แผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด โดยทั้งหมดจะเป็นไปตามที่รัฐบาลได้วางนโยบายให้เกิดเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนโดยเร็วที่สุด
ต่อจากนั้นผู้ร่วมประชุมได้แสดงความคิดเห็น และให้ข้อมูลเกี่นยวกับการเตรียมความพร้อมในเพื่อรองรับการพัฒนาการค้าผ่านแดนที่บริเวณบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และการค้าชายแดนที่บริเวณจุดผ่อนปรนทางการค้าที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีข้อมูลปัญหาอุปสรรคที่สำคัญ คือ สถานะที่ดินที่เป็นที่ดินของรัฐที่นักลงทุนไม่มีความมั่นใจในสถานะที่ดินจึงลังเลในการลงทุน
ด้าน นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวข้อมูลต่อ สศช.ว่า จังหวัดกาญจนบุรี มีการทำงานมาอย่างต่อเนื่องและมีการประสานกับ บริษัท อิตัลไทย อย่างใกล้ชิด การดำเนินโครงการถนนเชื่อมต่อจากทวาย มาบ้านพุน้ำร้อน คืบหน้ามาก และในเร็วนี้น่าจะสามารถใช้รถบางชนิดเดินทางไปได้
ส่วนอีกด้านเรากำลังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อกำหนดผังศูนย์ราชการชายแดนบ้านพุน้ำร้อน ที่ทางโยธาธิการและผังเมืองกำลังดำเนินการอยู่ โดยกำหนดพื้นที่เป็น 3 โซน โซนแรก คือ โนความมั่นคง ห่างจากชายแดน 3 กิโลเมตร โซนที่สอง คือ โซนศูนย์ราชการ และโซนที่สาม คือ โซนการลงทุน ที่สำคัญที่สุด คือ เรามีความพร้อม
ส่วนเรื่องที่ดินได้พูดคุยร่วมกับทางทหารอย่างต่อเนื่อง และพร้อมสนับสนุนในแนวทางที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ส่วนที่สำคัญอยากให้ สศช.ช่วยหาแนวทางในการพิจารณาผลักดันให้เกิดโครงการที่เกิดประโยชน์กับคนจังหวัดกาญจนบุรี ไม่ใช่ปล่อยให้คนจังหวัดกาญจนบุรี กินฝุ่น แต่ไม่ได้อะไรเลย ที่สำคัญคือ การเกิดเมืองคู่แฝดทางการค้าระหว่างทวายกับกาญจนบุรี ก็จะเป็นเรื่องที่นำไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ และการแลกเปลี่ยนในทุกด้านที่ดีต่อทั้งสองประเทศต่อไปในอนาคต
“ที่สำคัญที่สุด ผมมีแนวคิดว่าจังหวัดกาญจนบุรีเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ดังนั้น การพัฒนาจะต้องไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเป็นอีโค่ซิตี้ เพื่อมิให้เกิดปัญหาเหมือนกับที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด”
