เชียงราย - ตำรวจตามรวบหนุ่มมาเลย์ ลอบขนเฮโรอีนซุกใต้เบาะนั่งคนขับ 3.5 กก. คาชายแดนแม่สาย อ้างรับจ้างเพื่อนร่วมชาติขนจากชายแดนส่งให้คนรับเพื่อขนต่อเข้าเชียงใหม่-มาเลย์ แลกเงิน 250,000 บาท
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงรายแจ้งว่า ปัญหาการค้า-ขนยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนแห่งนี้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร สกัดจับรถขนสารตั้งต้นที่เตรียมส่งเข้าโรงงานผลิตยาเสพติดในฝั่งพม่า ได้มากถึง 1,300 กก. ซึ่งคาดว่าหากหลุดลอดไปได้จะสามารถนำไปผลิตเฮโรอีนได้มากกว่า 100 กก.ได้เมื่อวานนี้ (20 ก.พ.) แล้วนั้น
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ถนอมศักดิ์ ยศแผ่น ผกก.สภ.แม่สาย, พ.ต.ท.ชินพันธ์ พราหมณ์พันธุ์ รอง ผกก.ปป., พ.ต.ท.พงษ์สวัสดิ์ ไชยบาล รอง ผกก.สส. ได้แถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดพร้อมของกลางยาเสพติดเฮโรอีนน้ำหนัก 3.5 กิโลกรัม ผู้ต้องหา 1 คนชื่อนายโฮ อิง ชอว์ (Ho Eng Chaw) อายุ 44 ปี ถือพาสปอร์ตประเทศมาเลเซีย หมายเลข A22147358
การจับกุมมีขึ้น เมื่อ พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพัน์กุล ผบช.ภ.ภาค 5, พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.เชียงราย สืบทราบจะมีการลักลอบขนยาเสพติดจากชายแดนเข้ามาในพื้นที่ จึงได้ประสานกับ พล.ต.ปราการ ชลยุทธ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง, นายพรเทพ เอี่ยมประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ภาคเหนือ, พล.ต.ต.ชินภัทร สารสิน ผบก.ปส.3 และฝ่ายปกครอง นำกำลังลาดตระเวนในพื้นที
ต่อมาพบรถยนต์เก๋งโตโยต้า สีดำ ทะเบียน ขข 2230 เชียงใหม่ บนถนนเลี่ยงเมืองเชื่อมบ้านน้ำจำ ต.โป่งผา อ.แม่สาย และหมู่บ้านสันผักฮี้ ต.แม่สาย เจ้าหน้าที่ ซึ่งติดตามไปเห็นตรงกับที่ได้รับแจ้งจึงให้สัญญาณหยุดตรวจ จากการตรวจสอบบริเวณใต้เบาะที่นั่งคนขับ พบเฮโรอีนตราสิงโตคู่เหยียบลูกโลก จำนวน 10 แท่ง น้ำหนักรวมประมาณ 3.5 กิโลกรัม จึงจับกุมตัวนายโฮ อิง ชอว์ ไว้ จากนั้นได้แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และนำส่ง พ.ต.ท.เจริญ ใจปิน สารวัตรเวร สภ.แม่สาย ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สอบสวนเบื้องต้น นายโฮ อิง ชอว์ ให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างจานายวิลเลียม เพื่อนชาวมาเลเซียด้วยกัน โดยให้ไปรับยาเสพติดเฮโรอีนที่ชายแดน จากนั้นให้นำไปส่งมอบกันที่สถานีน้ำมันแห่งหนึ่งในเขตเทศบาล ต.แม่สาย เพื่อแลกกับค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 250,000 บาท โดยได้รับเงินมาแล้วจำนวน 100,000 บาท ที่เหลือจะจ่ายเมื่อเสร็จงาน จากนั้นคนรับจะไปส่งที่เชียงใหม่ต่อไป และเป้าหมายอยู่ที่กรุงเทพฯ หากมีจังหวะก็จะหาทางขนส่งไปยังประเทศมาเลเซียต่อไป
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเคยทำมาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกได้ขนไปได้แล้วกว่า 2.8 กิโลกรัม